จากกระแสของพืชสมุนไพร
‘ฟ้าทะลายโจร’ ที่เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับการยอมรับ
สามารถนำไปช่วยรักษาควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบัน และยังเป็นสมุนไพรที่ถูกบรรจุไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ
จนเกิดกระแสฟ้าทะลายโจรขาดตลาด
ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่า ราคาเมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจรปัจจุบันอยู่ที่เมล็ดละ 60-80 สตางค์ จากเดิม 20 สตางค์ ซึ่งมีราคาสูงขึ้นถึง 4 เท่า ส่วนฟ้าทะลายโจรสำหรับตากแห้งปรับราคาขึ้นเป็นตันละ 40,000 บาท จากเดิมราคาตันละ 25,000 บาท ส่วนแบบบดเป็นผงปรับราคาเป็นกิโลกรัมละ 600 บาท จากเดิมกิโลกรัมละ 300 บาท ซึ่งมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอีก
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ฟ้าทะลายโจร ถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจ
และพืชสุขภาพที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยมูลค่าการบริโภควัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายในประเทศรวมนำเข้าเพิ่มขึ้นจาก
4.3 หมื่นล้านบาทในปี 2560 เป็น 5.2 หมื่นล้านบาทในปี 2562 การส่งออกสินค้าเครื่องเทศและสมุนไพร
ไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 93% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ดังนั้นตลาดสมุนไพรจึงเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง
และยังคงมีคู่แข่งน้อยราย แม้กระทั่งภายใต้สถานการณ์โควิด 19 โดยยอดการส่งออกยังขยายตัวกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยเฉพาะตลาด จีน สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม
บุกตลาดยาสมุนไพร
‘ฟ้าทะลายโจร’ พร้อมขยาย SME ไทย
โดยศูนย์วิสาหกิจชุมชนสมุนไพรเกษตรอินทรีย์บ้านดงบัง
จังหวัดปราจีนบุรี เป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญที่ปลูกฟ้าทะลายโจรส่งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนเป็นอย่างมากจนผลิตแทบจะไม่ทันตามความต้องการ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด
19
เช่นเดียวกับ สมศักดิ์
มากด่านกลาง ประธานกลุ่มสมุนไพรชีววิถีบ้านคลองปลากั้ง จังหวัดนครราชสีมา
บอกว่าสมุนไพรฟ้าทะลายโจรในปีนี้มีออเดอร์สั่งซื้อจากร้านค้า บริษัท
โรงพยาบาลต่างๆ เข้ามามากกว่า 10 ตัน จนผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ซึ่งเดิมทีมีผลผลิตตากแห้งได้ปริมาณ 400-500 กิโลกรัมต่อปีเท่านั้น
ตอนนี้กลุ่มสมาชิกจึงมีการเพิ่มพื้นที่แปลงปลูก
เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการที่มากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ รศ.ภก.สุรกิจ
นาทีสุวรรณ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ยังมองทิศทางตลาดสมุนไพรไทยว่าจะมีอัตราเติบโตแบบก้าวกระโดด
เพราะเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพที่มีความปลอดภัยและมาจากธรรมชาติ
อีกทั้งจะกลายเป็นเศรษฐกิจหลัก
และเศรษฐกิจใหม่ที่ดีของประเทศ
เพราะเป็นเศรษฐกิจที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานวัตถุดิบที่ประเทศมีอยู่แล้ว และเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของคนไทย
ซึ่งหากตลาดสมุนไพรเติบโตมากกว่านี้ จะช่วยทั้งในส่วนของผู้ปลูก นักวิจัย
นักเภสัชศาสตร์ ผู้คิดค้นสูตร รวมทั้งคนที่นำไปจำหน่ายล้วนได้ประโยชน์ทั้งสิ้น นี่จึงเป็นความหวังหนึ่งของเศรษฐกิจไทย
ส่งเสริมปลูก
‘ฟ้าทะลายโจร’ สร้างรายได้เข้าประเทศ
การระบาดของโควิด 19 ที่รุนแรงขึ้นในประเทศไทย
ทำให้ฟ้าทะลายโจรมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงเดินหน้าส่งเสริมเกษตรกรทั่วประเทศให้หันมาปลูกพืชสมุนไพรที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน
เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สานต่อนโยบายรัฐบาลร่วมกับหลายภาคส่วน
เพื่อส่งเสริมผลิตผลของสมุนไพรไทยให้มีศักยภาพตามความต้องการของตลาด
สนับสนุนการปลูกพืชสมุนไพรกว่า 6.4 หมื่นไร่ มีการจัดทำมาตรฐานสินค้า GAP และมาตรฐานพืชสมุนไพร
มีการจัดทำแผนที่ความเหมาะสมของที่ดินสำหรับปลูกพืชสมุนไพร จำนวน 24 ชนิด เช่น
ฟ้าทะลายโจร กระชายขาว ขมิ้นชัน ไพล พริกไทย เพชรสังฆาต เป็นต้น
โดยแนวทางที่มีการร่วมมือกับหลายภาคส่วน
นอกจากเป็นทางเลือกในการใช้รักษาโรคโควิด 19 ยังถือเป็นโอกาสของเกษตรกรผู้ปลูกพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร
เพราะจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน คนไทยมีพืชสมุนไพรบริโภคอย่างเพียงพอ
อีกทั้งยังส่งเสริมให้อุตสาหกรรมสมุนไพรเป็นอุตสาหกรรมที่โดดเด่น
สร้างรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล
แหล่งอ้างอิง
: