เขา คิดนอกกรอบ เปิดบริษัทเพื่อให้นักศึกษาและอาจารย์เรียนรู้จากการปฏิบัติ เป็นอะไรที่ประชาคมมหาวิทยาลัยรับไม่ค่อยได้ เพราะคิดกันเองว่า มหาวิทยาลัยกับการค้าไม่น่าจะไปด้วยกันได้ แต่เขาก็ทำได้และทำได้ดีเสียด้วย
ในการทำธุรกิจ สิ่งแรกที่ผู้ประกอบการ SMEs ต้องทำ ไม่ใช่การหาทุน หาตลาด แต่จะต้องคิดให้ตกผลึกก่อนว่าเราจะทำอะไร ธุรกิจที่เราทำแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร ดังนั้นความคิดสร้างสรรค์จึงเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรก
‘ศ.ดร.กุนเธอร์ ฟาลติน’ (Guenter Faltin) นักธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ ที่สอนวิชาความคิดสร้างสรรค์สำหรับผู้ประกอบการ โด่งดังที่สุดในเยอรมันได้ถ่ายทอดเทคนิคง่ายๆดังนี้คือ
ประการแรก คือ ‘ให้ค้นพบสิ่งที่มีอยู่แล้ว’ ฟังดูขัดแย้งแต่ที่จริงไม่ใช่เขาบอกว่า ให้แยกความแตกต่างระหว่าง ‘ประดิษฐกรรม’ และ ‘นวัตกรรม’ เอาไว้แล้ว ดังนั้นประเด็นนี้เราไม่จำเป็นต้องสร้างอะไรขึ้นมาใหม่
มีตัวอย่างในทศวรรษที่ 40 ชาวเยอรมันไม่มีใครกล้าซื้อเครื่องโทรสาร ไม่มีใครคิดว่าเครื่องนี้จะประสบความสำเร็จ พอทศวรรษที่ 70 เหตุการณ์พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนญี่ปุ่นเอาเครื่องโทรสารที่มีอยู่เดิมมาเสนอในตลาดใหม่อีกครั้งและประสบความสำเร็จอย่างมาก
อีกตัวอย่าง ชาวบราซิลมาทำธุรกิจในไทยและจีน เขาพบว่าคนจีนนิยมกินตีนไก่เขานึกถึงประเทศบราซิลที่ผลิตไก่รายใหญ่ของโลกแต่ไม่มีใครกินตีนไก่ เขาปิ๊งไอเดียขึ้นทันทีว่านี่คือโอกาสทองในการทำธุรกิจจึงนำตีนไก่ที่ถูกทิ้งมาขายในจีนและในเอเซีย ...นี่เป็นตัวอย่างที่เขาค้นพบสิ่งที่มีอยู่แล้ว และนำศักยภาพมันมาใช้ประโยชน์
ประการที่ 2 ‘คิดต่างจากแบบแผนเดิมๆ’ กรณีตัวอย่างของ ‘กุนเธอร์’ เอง ที่ประสบความสำเร็จจากทำธุรกิจขายชา เขาสังเกตว่าทั่วไปเขาขายชากันตามแบบแผนเดิมๆ จะเป็นชาถุงเล็กๆขนาด 100 กรัม 50 กรัมและ 25 กรัม และต้องขายในร้านชาที่การตกแต่งร้านก็เป็นแบบเดิมๆ
ถ้าลืมแบบแผนนี้ไปเลยแล้วพิจารณาต้นทุนเราจะคิดต่างกันออกไป ถ้าขายชาโดยเปลี่ยนจากถุงเล็กมาเป็นถุงใหญ่ เราจะประหยัดค่าฉลากและหีบห่อได้มาก ถ้าไม่ขายชามากชนิดเกินไป แต่เลือกขายไม่กี่ชนิด เราก็ซื้อคราวละมากๆต่อรองได้
สุดท้ายถ้าคนไม่ได้ดื่มชาตลอดทั้งปี ทำไมเราไม่ขายชาเฉพาะฤดูหนาว เป็นช่วงเวลาคนนิยมดื่ม จะเห็นว่าแนวคิดง่ายๆอย่างนี้สามารถเปลี่ยนโครงสร้างต้นทุนได้โดยสิ้นเชิงแม้จะขัดกับแบบแผนที่เคยปฏิบัติกันมา
ประการที่ 3 ‘เอาสิ่งต่างๆมารวมกันในวิถีทางใหม่ๆ’ ในแอฟริกาใต้ มีศิลปินเครื่องปั้นดินเผาคนหนึ่ง เขาแปลกใจเกี่ยวกับตัวบ้านที่ทำด้วยดินเหนียวผสมกิ่งไม้ที่ชาวสลัมอาศัยอยู่ อายุใช้งานแค่ 2 ฤดูฝนก็พัง
เขาจึงทำสิ่งง่ายๆ เขามองดูถ้วย คิดว่าถ้าเอาถ้วยมาคว่ำแล้วจินตนาการให้มันใหญ่ขึ้น ซึ่งถ้าเจาะรูมันก็ไม่เป็นถ้วยแต่จะเป็นบ้าน แล้วเอาเทคนิคการทำเครื่องปั้นดินเผามาประยุกต์ เขาสามารถสร้างอาคารตามความคิดตัวเองแล้วชวนคนทั้งหมู่บ้านก่อไฟขนาดมหึมา ทำให้เครื่องปั้นดินเผาเป็นบ้าน เทคนิคนี้อาจจะเก่าแก่แต่สามารถนำมาใช้ในรูปแนวคิดใหม่ๆได้
ประการที่ 4 ‘บูรณาการสิ่งต่างๆเข้าด้วยกัน’ เช่น เรามีสถาบันต่างๆ มีห้างสรรพสินค้า มีวัด มีโบสถ์ มีร้านอาหาร มีสโมสรสำหรับเยาวชนหรือผู้สูงอายุ ซึ่งทุกอย่างนี้ ต่างก็มีหน้าที่ของตัวมันเอง คิดง่ายๆ ถ้าเราเอาอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆมาใช้ประโยชน์เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ อย่างที่สองอย่างที่ สามได้เราก็ประหยัดเงิน และอันที่จริงธรรมชาติไม่ได้มีไว้เพื่อจุดประสงค์เดียวยังมีเครือข่ายการใช้อยู่
ประการที่ 5 ‘นำเอาปัญหามาเปลี่ยนให้เป็นโอกาสธุรกิจต่างๆ’ ตัวอย่าง คือ ‘ผักตบชวา’ ที่เป็นปัญหาใหญ่ของบ้านเรา หลังจากที่ ดร.กุนเธอร์ ประสบความสำเร็จจากธุรกิจชาก็หันมาทำธุรกิจเครื่องเรือน ที่ทำด้วยผักตบชวาจนประสบความสำเร็จอย่างดี นี่เป็นตัวอย่างของนำปัญหามาเกิดให้เป็นธุรกิจใหม่ขึ้นมา
ประการที่ 6 ‘จัดระบบงานให้เป็นเรื่องสนุก’ ตัวอย่างของ “ทอม เซอร์เยอร์” แต่งโดยมาร์ค ทเวน เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งทอมได้ทำความผิดและถูกป้าลงโทษให้ทาสีรั้ว แม้การทาสีรั้วคือการลงโทษแต่ทอมก็ออกอุบายชวนเพื่อนๆมาที่บ้านแล้วแบ่งงานให้เพื่อนช่วยกันหาสี แต่ละคนทาคนละนิดคนละหน่อย
แต่ทอมทำเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับทุกคน คือ แต่ละคนก็ไม่มีใครอยากทาสีทั้งรั้วแต่การแบ่งให้ทาคนละนิดคนละหน่อยทำให้ทุกคนอยากทาสีมากกว่าที่ตัวเองจะได้ทา นอกจากทาสีเสร็จแล้ว ทอมยังเก็บเงินจากเพื่อนที่อยากทาสีมากกว่าคนอื่นได้อีกด้วย
ประการที่ 7 ‘ทำวิสัยทัศน์ให้เป็นจริง’ เขาเล่าว่า ร้อยกว่าปีมาแล้ว มีคนๆหนึ่งเกิดวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการระเบิดของแก๊สซึ่งจะนำไปขับเคลื่อนรถม้าได้ ในสมัยนั้นวิสัยทัศน์จะเป็นจริงได้จะต้องคิดค้นบางสิ่งบางอย่างทำให้เกิดแรงระเบิดแก๊สขึ้นมา มีน้อยคนนักที่จะมีวิสัยทัศน์นึกถึงเรื่องนี้ คนๆนี้ทำการทดลองโดยเข้าไปทำในโรงรถ แรงระเบิดของแก๊สทำให้รถม้าเคลื่อนที่ แต่ประตูโรงรถเล็กเกินไปรถม้าออกไปไม่ได้ ทุกคนจึงว่าเขาโง่
18 ปีผ่านไปชายคนนี้ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จถูกมองว่าเป็นคนบ้า เขาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่ามา 18 ปี กระทั่งวันหนึ่งเขาไปแข่งรถและรถของเขาเป็นคันเดียวที่เข้าเส้นชัย ชายคนนี้คือ “เฮนรี่ ฟอร์ด” ที่ยกตัวอย่างเรื่องนี้ เพราะว่าเขาผิดพลาดล้มเหลว ก็ไม่ละพยายาม เพราะเขามี “วิสัยทัศน์” เชื่อว่าจะทำให้เป็นจริงได้
นี่คือเทคนิคง่ายๆของ ‘ศ.ดร.กุนเธอร์’ ที่ผู้ประกอบการทั้งหลายน่าจะได้เรียนรู้ก่อนเริ่มทำธุรกิจ
จุดแรงบันดาลใจจากเหล่าคนดัง ที่เคยล้มเหลว
5 หนังสือสร้างแรงบันดาลใจ ที่ปลุกพลังให้ไปถึงเป้าหมาย
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333
Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333
