แนวความคิดที่ว่า หุ่นยนต์ส่งของนํากาแฟชงใหม่ๆ มาส่งถึงประตูบ้าน หลังเพิ่งสั่งออเดอร์ผ่านมือถือสมาร์ทโฟนเพียงไม่กี่นาทีอาจกลายเป็นความจริงได้ในอนาคต เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นหลายรายได้เริ่มทดสอบหุ่นยนต์ส่งของขับเคลื่อนด้วยตนเองบนถนนจริง ความจําเป็นในการลดความเสี่ยงในการพบปะผู้คน ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่โคโรนา หรือโควิด 19 การเว้นระยะห่างทางสังคมผลักดันให้เกิดความต้องการใหม่สําหรับบริการขนส่งอัตโนมัตินี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยมีกรณีตัวอย่างล่าสุด คือ การไปรษณีย์ญี่ปุ่น (Japan Post) เริ่มทดลองใช้หุ่นยนต์ส่งพัสดุขับเคลื่อนด้วยตนเองในโตเกียว ซึ่งเป็นหุ่นยนต์สีแดงที่มีชื่อว่า DeliRo มาจากคําว่า Delivery Robot พัฒนาโดยบริษัท ZMP Inc. มีล้อขับเคลื่อนอัตโนมัติ สามารถบรรจุพัสดุประมาณ 30 กิโลกรัม ทําความเร็วสูงสุดได้ถึง 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่าอัตราการเดินของคนทั่วไปเล็กน้อย ด้านหน้าติดกล้องและเซนเซอร์ เพื่อให้สามารถรอไฟแดง เวลาข้ามแยกที่มีสัญญาณไฟจราจร และหลบหลีกสิ่งกีดขวางคนบนทางเท้าและรถยนต์บนถนนได้ การทดลองดําเนินต่อไปเพื่อทดสอบการปฏิบัติหน้าที่ว่าสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ผ่านการเฝ้าระวังระยะไกล
รวมทั้ง Panasonic Corporation บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น
ก็ทําการทดลองเช่นกัน โดยได้ทดลองเฟสแรกโดยใช้หุ่นยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง เพื่อจัดส่งสินค้าใน
Fujisawa Sustainable Smart Town ใน จังหวัดคานากาวะ
ใกล้กับกรุงโตเกียว โดยหุ่นยนต์ได้รับการออกแบบมาให้สามารถหยุดตามจุดต่างๆ
เพื่อรับอาหารและของใช้ประจําวันจากร้านต่างๆ และนําไปส่งให้ตามบ้านในเส้นทางที่กําหนดไว้
โดยหุ่นยนต์ดังกล่าวสามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด 4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แม้จะมีสิ่งของบรรทุกอยู่และสามารถเคลื่อนที่บนทางต่างระดับที่ไม่เกิน 4 เซนติเมตรได้
และหลังจากนี้ Panasonic เตรียมที่จะทดลองในเฟสสองในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 2564 โดยจะเริ่มใช้หุ่นยนต์ส่งของจริง เน้นการจัดส่งอาหารและของใช้ประจําวันที่ซื้อจากร้านค้า โดยหุ่นยนต์จะขับเคลื่อนและหลบสิ่งกีดขวางได้ด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติในกรณีที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง ระบบจะปรับเปลี่ยนมาเป็นการควบคุมจากระยะไกล นอกจากนี้บริษัท Panasonic ยังบอกอีกว่า บริษัทมุ่งหวังที่จะใช้ Big data เพื่อทําให้หุ่นยนต์สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภครายบุคคลได้
อีกกรณีคือ บริษัท E-Commerce ขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น Rakuten ก็ได้เริ่มทดลองหุ่นยนต์ส่งของขับเคลื่อนด้วยตนเอง (UGV: Unmanned
Ground Vehicle) เช่นกันในเมือง Yokosuka จังหวัดคานากาวะ
ซึ่งปัจจุบันเมือง Yokosuka เองกําลังประสบกับปัญหาสังคมผู้สูงอายุ
และคาดหวังว่าหุ่นยนต์จะช่วยผู้สูงอายุที่ไม่สะดวกในการเดินทางบน ถนนที่คดเคี้ยวและเนินที่สูงชันในตัวเมืองได้
นอกจากนี้รัฐบาลญี่ปุ่นเองก็ให้การสนับสนุนแนวความคิดในการพัฒนานี้
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกําลังหารือกันเพื่อพิจารณาเรื่องกฎระเบียบการจราจรใหม่ให้สามารถรองรับเทคโนโลยีนี้ได้
เพราะปัจจุบันญี่ปุ่นยังไม่อนุญาตให้ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยไม่มีมนุษย์ควบคุมสัญจรบนถนนสาธารณะได้
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่า เรื่องนี้ยังคงมีความท้าทายอยู่อีก 2 ประเด็นที่ต้องก้าวผ่านไปให้ได้ จึงจะสามารถทําให้หุ่นยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเองสามารถใช้งานได้จริงบนท้องถนน นั่นก็คือ “ความปลอดภัยในการจราจร” ถึงแม้ว่าหุ่นยนต์เองจะ มีการติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยหลายอย่าง รวมถึงเซนเซอร์ฉุกเฉินที่สามารถส่งสัญญาณไปยังศูนย์ควบคุมแล้วก็ตาม การพิจารณาด้านกฎหมายในการอนุญาตให้หุ่นยนต์สามารถใช้งานได้จริงนั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง
ความท้าทายอีกข้อคือ “ต้นทุนในการพัฒนา”
เนื่องจากการทดลองในปัจจุบันนั้น จําเป็นต้องมีผู้เฝ้าสังเกตการณ์คอยเฝ้าระวังหุ่นยนต์ที่ทําการทดลองตัวละ
1 คน ต้นทุนในการทดลองลักษณะนี้อาจจะเป็นอีกอุปสรรคในการพัฒนา
ถึงกระนั้นการขนส่งในรูปแบบนี้หากสามารถทําให้สําเร็จ
ก็จะเป็นการเปลี่ยนโฉมธุรกิจการขนส่งในอนาคต
ประเทศไทยเองที่มีความคล้ายกับญี่ปุ่นที่มีต้องการพัฒนาด้านการขนส่ง เพื่อตอบสนองการซื้อสินค้าที่ใช้บริการการขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น
จึงเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
แหล่งอ้างอิง :
สํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว NHK World Japan