ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งการผลิตการ์ตูนยักษ์ใหญ่ของโลกมายาวนาน
แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสถานการณ์ตลาดการ์ตูนคาแรคเตอร์ ดิจทัลคอนเทนต์
ก็เปลี่ยนแปลงไปตามสัดส่วนจำนวนประชากรเด็กที่ลดลง และก้าวสู่สังคมสูงวัย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
อย่างไรก็ตาม
แม้ว่ากลุ่มของเล่นจะปรับตัวลดลง แต่ "ของเล่นประเภทตู้กดอัตโนมัติ" ที่นิยมนำไปวางในร้านอาหารและสนามบินขยายตัวเพิ่มขึ้น
จากที่เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ และกลุ่มที่เป็นสินค้าเครื่องอาบน้ำ (Toiletry)
ต่างๆ ซึ่งเป็นการเจาะกลุ่มผู้ใหญ่ก็ขยายตัวขึ้นเช่นกัน
ทั้งยังมีการแข่งขันด้านราคาสูง จึงมีผู้นำคาแรคเตอร์มาใช้บนผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความแตกต่างและมูลค่าเพิ่ม
แต่อีกด้านลิขสิทธิ์ที่ได้จากการนำคาแรคเตอร์ไปใช้ในสื่อสิ่งพิมพ์
โฆษณา หรือการเป็นพรีเซนเตอร์ (Copyright) มูลค่า 3.42 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% สวนทางกับกลุ่มแรก
เนื่องจากมีการนำคาแรคเตอร์ไปจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายมากขึ้น
ขณะที่ผลการสำรวจตลาดแอนิเมชั่นปี 2560 มีมูลค่า 6.2 แสนล้านบาท จากรายได้ในการขยายไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งเติบโตถึง 30% ช่วยชดเชยรายได้ส่วนในประเทศที่หดตัว
แนวโน้มการเติบโตของตลาดกลุ่มแอนิเมชั่นในญี่ปุ่น
ก็เปลี่ยนแปลงตามสัดส่วนจำนวนประชากรเด็กที่ลดลงเช่นกัน โดยข้อมูลการสำรวจพบว่า
นับจากปี 2558
ปริมาณการผลิตแอนิเมชั่นสำหรับผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นขึ้นมากกว่าแอนิเมชั่นสำหรับเด็ก
ขณะเดียวกันรัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายปฏิรูปการทำงาน โดยให้ลดเวลาทำงานของพนักงานลง
ทำให้บริษัทผู้ผลิตจำเป็นต้องหาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพาการผลิต
และลดต้นทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจพบว่า
บริษัทเกมและแอนิเมชั่นของญี่ปุ่นหันมาพึ่งพาการใช้ Outsource
มากขึ้น โดยมีข้อมูลจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น
(METI) ที่พบว่า แนวโน้มการใช้ Outsource เพิ่มมากขึ้นนับจากปี 2555 กระทั่งปี 2558 มีการใช้ Outsource มากเป็นสัดส่วนถึง 90% และในจำนวนนี้ 30% เป็นบริษัทต่างชาติ
เนื่องจากญี่ปุ่นเริ่มขาดแคลนคนวาดการ์ตูน
เพราะคนรุ่นใหม่สนใจงานสาขานี้น้อยลง
ข้อมูลนี้สะท้อนว่านี่อาจจะเป็นสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับไทย
แต่ด้วยประชากรวัยเด็กของญี่ปุ่นลดลง และยังญี่ปุ่นยังมีคาแรคเตอร์ที่โด่งดังเป็นของตัวเองจำนวนมาก ดังนั้น ผู้ประกอบการที่ต้องการเจาะตลาดนี้ ควรเน้นคาแรคเตอร์ที่เจาะกลุ่มผู้ใหญ่แทนตลาดเด็ก เช่น รูปแบบกราฟฟิคดีไซน์สินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า โดยเจาะตลาดกลุ่มเฉพาะ Niche Market เช่น กลุ่มคนรักศิลปะ คนรักเมืองไทย หรือสร้างสรรค์งานที่มีลักษณะเฉพาะตัว ตลอดจนเพิ่มกลยุทธ์การ Collaboration กับคาแรคเตอร์ท้องถิ่น เพื่อเจาะตลาดให้ง่ายขึ้น
โดยขณะนี้มีหน่วยงานของไทย เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ได้มีการจัดโครงการส่งเสริมและพัฒนาและจำหน่ายสินค้าการ์ตูนคาแรคเตอร์ไทยให้คนญี่ปุ่นรู้จัก
โดยผ่านนิทรรศการไทยที่จัดขึ้นที่สวนสาธารณะโยโยงิ กรุงโตเกียว
และผ่านโซเชียลเน็ตเว็คต่างๆ มาประมาณ 3 ปี
ทำให้คนญี่ปุ่นรู้จักคาแรคเตอร์ของไทยมากขึ้น ช่วยให้มียอดการจำหน่ายมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งโรงเรียนสอนวาดการ์ตูนขึ้นที่ตึกจามจุรี สแควร์ ชื่อ Kadokawa
Animation and Design School ผลิตบุคคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเท็นต์ของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่ไทยจะสามารถขยายฐานการเป็นแหล่งรองรับงาน Outsource ในอุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากนโยบายรัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนและผลักดันการส่งออกสินค้าและบริการในสาขานี้ ซึ่งไทยอาจจะเพิ่มความสัมพันธ์ทางธุรกิจขยายตลาดร่วมกับบริษัทต่างชาติ ด้วยการลงทุนร่วมกันพัฒนาคอนเทนต์ด้านแอพพลิเคชั่นเกมสำหรับสมาร์ทโฟน เพื่อขยายสู่ตลาดท้องถิ่นในอนาคต
เครดิตภาพ : https://kadokawa-ca.co.th/