ในช่วงวิกฤติโควิด-19
ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนธุรกิจอย่างรุนแรงทั้งภาคการผลิตและภาคการส่งออก แต่มีอีกหนึ่งธุรกิจของนักลงทุนจีนที่เข้ามาลงทุนและประกอบกิจการในไทยไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย
แต่ในตรงกันข้ามกลับกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด แถมยังสามารถสร้างงานและสร้างอาชีพใหม่ให้กับชาวไทย
นั้นคือ อาชีพนักขับ “โดรน” หรือ อากาศยานไร้คนขับเพื่อการเกษตรในยุค 4.0
เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ลดต้นทุนการผลิต ประหยัดเวลา
และประหยัดการใช้แรงงานคนที่กำลังขาดแคลนแรงงานภาคเกษตร
ปัจจุบันอากาศยานไร้คนขับที่ในประเทศไทยมีหลากหลายแบรนด์
แต่ที่ครองส่วนแบ่งตลาดเกษตรกรไทยมาเป็นอันดับ 1 คือ DJI (Da-Jiang Innovations Science and
Technology) สัญชาติจีน โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเซินเจิ้น ผู้ผลิตและจำหน่ายโดรนแบรนด์ DJI
ครองส่วนแบ่งการตลาดไปทั่วโลก 70-80% ของโดรนที่บินอยู่บนท้องฟ้า ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2006 โดย นายแฟร้งก์ หวัง เตา มหาเศรษฐีชาวจีน
เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์โดรนแบรนด์ DJI ที่ผ่านมานำมาใช้งานในหลากหลายประเภท
เช่น โดรนถ่ายภาพ, ถ่ายวิดีโอ, ถ่ายภาพยนตร์
และกู้ภัย เป็นต้น
อย่างไรก็ตามโดรน DJI ที่นำมาใช้ในไทย ไม่เพียงแต่ใช้เพื่อพ่นยากำจัดแมลงและศัตรูพืชอย่างเดียว ยังเป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยช่วยทุ่นแรงในการเพาะปลูก ด้วยการใช้โดรนรวบรวมเก็บข้อมูลและบริหารจัดการข้อมูลด้วยระบบ Data Analytics ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตให้แก่เกษตรกรไทย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
“โดรน” เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อเกษตรกรยุคใหม่
การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยเข้ามาช่วยควบคุมปัจจัยการผลิต
หรือที่เรียกว่า “การเกษตรแบบแม่นยำ” เป็นอีกแนวทางส่งเสริมให้เกษตรกรยุคใหม่ลดต้นทุนการผลิตต่ำที่สุด
แต่ได้ผลผลิตทั้งปริมาณและคุณภาพมากที่สุด ซึ่งโดรนสามารถตอบโจทย์เกษตรกรไทยยุค
4.0 ได้อย่างลงตัว และกำลังเป็นเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อเกษตรกรไทยมาจาก 4 สาเหตุหลัก
ดังนี้
1. ศักยภาพเชิงพื้นที่ที่สามารถปลูกพืชผลทางการเกษตรได้หลากหลายชนิด
2.
เกษตรกรไทยมีการรวมตัวที่เข้มแข็งในรูปแบบสหกรณ์การเกษตร
3. เกษตรกรไทยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
ให้เกษตรกรไทยได้หันมาใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมโดรนเข้าช่วยทำการเกษตรแม่นยำ เช่น
ฉีดพ่นยาฆ่าแมลง ซึ่งเป็นงานที่เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ
4. แนวโน้มการเกษตรไทยจะเข้าสู่ภาวะขาดแคลนแรงงาน
จำเป็นต้องนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาแทนที่แรงงานคน
โดยทุกวันนี้รูปแบบการให้บริการ “โดรน” มาใช้ในการทำเกษตรแม่นยำ ส่วนใหญ่ผ่าน
“แอปพลิเคชัน” บนมือถือที่เปิดให้บริการอยู่มากมาย โดยเกษตรกรสามารถเรียกใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันที่ตัวเองรู้จัก
เรียกใช้ง่ายและสะดวก เหมือนเรียกใช้บริการแอปพลิเคชันเดลิเวอรี่
กรณีศึกษา “เก้าไร่” แอปพลิเคชั่นเรียกนักขับ
“โดรน” มืออาชีพ
แอปพิลเคชัน “เก้าไร่” (gaorai) เป็นอีก 1 แอปพลิเคชั่นชั้นนำในไทยที่ให้บริการโดรนเพื่อการเกษตร โดยแอปพลิเคชั่นนี้จะช่วยเป็นตัวกลางระหว่าง
“นักขับโดรน” มืออาชีพพ่นยาให้กับเกษตรกร โดยระบบการคิดค่าใช้จ่ายและรายได้จากเกษตรกรที่เข้ามาลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน
เพื่อแจ้งความต้องการโดรน จากนั้นทางเจ้าของแอปพลิเคชั่น
จะแจ้งให้นักขับโดรนมืออาชีพที่อยู่ในเครือข่ายของแอปพลิเคชั่น
ลงพื้นที่เพื่อไปประเมินและตกลงราคาบริเวณพื้นที่ที่เกษตรกรต้องการให้นักขับโดรนมาฉีดพ่นยาฆ่าแมลง, ใส่ปุ๋ย หรือคำนวณพื้นที่เพื่อพยากรณ์ผลผลิต ฯลฯ
เมื่อเสร็จงานนักขับโดรนจะจ่ายค่าระบบปฏิบัติการแก่แอปพลิเคชั่นดังกล่าว
โดยแอปพลิเคชันจะทำหน้าที่เก็บฐานข้อมูลของเกษตรกรไว้ เกษตรกรสามารถนำฐานข้อมูลนี้ไปใช้บริการด้านอื่นต่อได้
สำหรับโดรนแต่ละลำที่นำมาใช้ต้องได้รับการรับรองว่าเป็นโดรนที่ได้มาตรฐาน และมีใบรับรองการบินค้ำประกันจากหน่วยงานภาครัฐ
คือ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ซึ่งราคาโดรนแต่ละลำเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2
แสนบาท พรั่งพร้อมด้วยอุปกรณ์ทันสมัยครบครัน และถูกต้องตามกฎหมายของไทยทุกประการ
เปิดศึกแย่งฐานลูกค้าเกษตรกร-นักขับโดรน
ในการใช้โดรนนำมาเก็บข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์การทำเกษตรแปลงใหญ่
หรือพื้นที่การเกษตร 30 ไร่ขึ้นไป ในกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด อ้อย
เป็นต้น จึงทำให้ปัจจุบันเกษตรกรสามารถได้ผลผลิตที่มีทั้งคุณภาพดีและปริมาณสูง ด้วยต้นทุนที่ต่ำและควบคุมปัจจัยการผลิตได้
เมื่อเกษตรกรไทยนิยมนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทำการเกษตร
ส่งผลให้ทุกค่ายแอปพลิเคชันต่างแข่งขันกันเพื่อต้องการเป็นเจ้าของฐานข้อมูลของเกษตรกร
และแย่งชิงนักขับโดรนให้เข้ามาอยู่ในเครือข่าย หรือในสังกัดให้มากที่สุด
เพื่อจะได้นำมาให้บริการ Data Analytics ที่สามารถวิเคราะห์ทิศทางตลาดสินค้าเกษตรในอนาคตทั้งเชิงปริมาณและราคา
การพยากรณ์ดิน ฟ้า อากาศ อุณหภูมิความชื้น
โดยจัดเก็บไว้เป็นฐานข้อมูลพื้นที่ในระดับรายบุคล
ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบประกันภัยพืชผลทางการเกษตร และบริการสินเชื่อให้บริการเกษตรกรที่ต้องการไมโครไฟแนนซ์
หรือสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ทำให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย รวมถึงระบบค้าขายทางออนไลน์ว่าผลผลิตของเกษตรกรจะวางตลาดเมื่อใด
เป็นต้น
แม้ปัจจุบันการใช้โดรนเพื่อการเกษตรในไทยยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก
แต่คาดว่าในอนาคตราคาโดรนเพื่อการเกษตรจะถูกลง เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตโดรนมีการแข่งขันกันหลายบริษัท
ผนวกกับความนิยมใช้โดรนของเกษตรกร ผู้ประกอบการที่มีมากขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องทุ่นแรง
รวมทั้งเทรนด์ของสินค้าจำพวกเทคโนโลยีที่มักจะมีราคาลดลงอย่างรวดเร็วตามเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น
โดยผู้ประกอบการโดรนคาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า หรือปี 2565 ราคาโดรนเพื่อการเกษตรลดราคาลง 20-25 %ต่อปี โดยราคาจะอยู่ที่ 67,000-106,000 บาท
จากราคาเปิดตัวในปี 2558 ที่ราว 300,000-500,000 บาท
อาชีพนักขับโดรน และธุรกิจแอปพลิเคชั่นเรียกใช้บริการโดรนที่ผลิตโดยนักลงทุนจีน กำลังเติบโตก้าวกระโดดจนสามารถครอบครองน่านฟ้าทุกแปลงเพาะปลูกของเกษตรกรไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว