จากข้อมูลของ MIT
และ Prologis Research ระบุถึงการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกภายหลังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด
19 ไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งนับตั้งแต่ธันวาคม 2019
จวบจนถึงปัจจุบันที่มูลค่าการเติบโตของอีคอมเมิร์ซนำมาซึ่งปัญหาขยะจากกล่องพัสดุที่เพิ่มขึ้น
ในทางกลับกัน จากรายงาน “Logistics
Real Estate and E-Commerce Lower the Carbon Footprint of Retail” ที่เผยแพร่โดย
MIT
Real Estate Innovation Lab ที่ระบุว่า กิจกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์มีส่วนสำคัญในการช่วยโลกมากขึ้น
จากข้อเท็จจริงว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการช้อปปิ้งออนไลน์ลดลง 36% โดยเฉลี่ยเมื่อเทียบกับการเดินทางมาซื้อที่ร้าน
ดังนั้นจะเห็นว่า ‘อีคอมเมิร์ซ’
มีมิติด้านความยั่งยืนที่ชัดเจนกว่าการซื้อของในร้านค้าหรือแบบออฟไลน์
ขณะเดียวกันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน
ทำให้สามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศโลกได้ ในขณะที่ยังสามารถประหยัดต้นทุนการขนส่งทั้งในแง่ของผู้ประกอบการและผู้บริโภค
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
การจัดส่งที่รักษ์โลก
กล่องกระดาษ บรรจุภัณฑ์ นับเป็นแหล่งปล่อยมลพิษมากที่สุดสำหรับอีคอมเมิร์ซ
และแม้ว่าการจัดการจะสามารถทำได้โดยการขนส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
แต่ที่ผ่านมาก็ยังเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากจำนวนกล่องกระดาษทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นกว่า
6 เท่าในปี 2020
กระนั้น MIT
Real Estate Innovation Lab ได้นำข้อมูลการค้าแบบอีคอมเมิร์ซ
และการค้าแบบหน้าร้านมาเปรียบเทียบกัน โดยมีการสร้างแบบจำลองสถานการณ์ที่กล่องกระดาษแข็งถูกแทนที่ด้วยการปล่อยถุงกระดาษและพลาสติกกว่า
80% ของการซื้ออีคอมเมิร์ซ ซึ่งในสถานการณ์สมมตินี้
อีคอมเมิร์ซมีความยั่งยืนมากขึ้นใน 90%
ซึ่งหากมองในมุมนี้จะเห็นว่า
หากพฤติกรรมคนทั่วโลกในปัจจุบันเลือกที่จะใช้ช่องทางอีคอมเมิร์ซในการซื้อสินค้าทั่วไปเพิ่มมากขึ้น
นัยหนึ่งเท่ากับเป็นการช่วยลดการปล่อย CO2 ทางอ้อม ขณะที่การจัดการขนส่งและนวัตกรรม เทคโนโลยีการขนส่ง
การใช้รถขนส่งพลังงานสะอาด
จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าผู้ประกอบการตระหนักถึงการจัดการที่เป็นมิตรต่อโลกได้ดีในระดับไหน
และแน่นอนว่าจะเป็นสิ่งชี้วัดศักยภาพของตัวแทนขนส่งเหล่านั้นด้วย
ด้วยเหตุนี้ สำหรับผู้ค้าออนไลน์
ผู้ให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ในรูปแบบแพลตฟอร์มต่างๆ
โดยเฉพาะธุรกิจรายใหญ่ที่มักจะบริหารการจัดการขนส่งโดยการว่าจ้างตัวแทนแบบเบ็ดเสร็จ
(3PL) หรือผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจร ที่มีความพร้อมจะช่วยให้มีการจัดการขนส่งพัสดุอีคอมเมิร์ซที่ดีขึ้น
แถมยังมีส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้การช้อปปิ้งออนไลน์กลายเป็นกิจกรรมทางอ้อมที่สามารถลดการปล่อย
CO2 อีกด้วย
ขณะที่ธุรกิจประเภทที่ต้องมีหน้าร้าน
ซึ่งปัจจุบันร้านส่วนใหญ่คงมีการปรับโหมดไปสู่การขายแบบ ‘ผสมผสาน’ ระหว่างออนไลน์และออฟไลน์
ซึ่งอาจจะไม่ถึงขั้น Omni Channel แต่ก็ใกล้เคียงมากขึ้น
ดังนั้นหากสามารถปรับกระบวนการซื้อ ขาย สินค้าให้ง่าย สะดวก ขั้นตอนน้อย
ไม่เพียงสามารถบริหารจัดการต้นทุน ยังมีส่วนสำคัญในการปกป้องโลกอีกด้วย
รวมทั้งปัจจุบัน ทั่วโลกยังตระหนักเรื่อง Sustainable
Supply Chain “ความยั่งยืนด้านการจัดการซัพพลายเชน” ทุกกลุ่มธุรกิจ
ทุกกิจกรรมทางธุรกิจจะมากหรือน้อยย่อมมีส่งผลกระทบต่อโลก ดังนั้นธุรกิจที่ทำร้ายโลก
จะถูกลดบทบาทไปในที่สุด
แหล่งอ้างอิง :