ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในปี 2563 ตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามมียอดขาย 11,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (3.7 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และคิดเป็นสัดส่วน 5.5% ของยอดค้าปลีกทั้งหมด ถือเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตเร็วที่สุดในอาเซียน จากจำนวนประชากรที่มีมากถึง 97.9 ล้านคน ความต้องการการบริโภคสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น
ก่อนหน้านี้มีรายงาน Digital Global เมื่อเดือน มกราคม 2021 โดย We Are Social และ Hootsuite ระบุว่า ณ เดือนมกราคม 2564 เวียดนามมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจํานวน 68.72 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วน 70.2% ของประชากรทั้งหมด และเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มคนอายุ 16-64 ปี ใช้อินเทอร์เน็ต 6 ชั่วโมง 47 นาทีต่อวัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สอดคล้องกับข้อมูลสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย ที่เปิดเผย Viet Nam E-Commerce Association (VECOM) ระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอีคอมเมิร์ซในเวียดนามเติบโต 20% ต่อปี ล่าสุดในปี 2563 ตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามมีมูลค่า 11,8000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18% โดยแยกเป็นการค้าปลีกออนไลน์เติบโต 46% การจัดส่งอาหาร 34% การตลาดออนไลน์และเกม 18% และการท่องเที่ยวออนไลน์ 28%
และจากการสํารวจโดย iPrice Insights ร่วมกับ SimilarWeb พบว่าปี 2563 มี 3 แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเวียดนาม ได้แก่ Shopee 36% Lazada 28% และ Tiki 11%
บริษัทวิจัยตลาดเอเชียและอาเซียนคาดการณ์ว่า การซื้อของออนไลน์ของเวียดนามในปี 2564 จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หากเวียดนามสามารถรักษาการเติบโตต่อไป คาดว่าในปี 2568 เวียดนามจะอยู่ในอันดับที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย และไทย โดยจะแซงฟิลิปปินส์และมาเลเซียในไม่ช้า ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เวียดนามกลายเป็นหนึ่งในตลาดที่น่าสนใจที่สุด สําหรับบริษัทที่ดําเนินธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซ
จากดัชนี E-Commerce ซึ่งใช้หลักเกณฑ์ 3 ด้านในการคำนวณการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซเวียดนาม คือ
1. ทรัพยากรบุคคลและโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี
2. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซระหว่างผู้ประกอบการและผู้ประกอบการ
(B2B)
3. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซระหว่างผู้ประกอบการและผู้บริโภค
(B2C)
ทั้งนี้พบว่าการเติบโตของอีคอมเมิร์ซในเวียดนามส่วนใหญ่ยังเติบโตในกรุงฮานอยและโฮจิมินห์ ซึ่งผู้บริโภคมีพฤติกรรมใช้จ่ายมากขึ้นตามประเภทสินค้า โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด คืออาหารสุขภาพ เครื่องดื่มสุขภาพและสินค้าออร์แกนิก เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน สินค้าสำหรับเด็ก และเสื้อผ้าแฟชั่น
สำหรับแนวโน้มตลาดอีคอมเมิร์ซ ปี 2564-2568 คาดว่าจะเติบโต 29% ส่งผลให้เศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามมีมูลค่า 52,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2564
ทลายข้อจุดบอดด้านการชำระเงิน
ล่าสุดในเดือนมีนาคม 2564 นายกรัฐมนตรีเวียดนามมีมติเห็นชอบให้ผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคมทดลองให้บริการ Mobile-Money มีผลบังคับใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2564 บริการ Mobile-Money เป็นรูปแบบการชําระเงินออนไลน์ผ่านบัญชีโทรศัพท์เพื่อซื้อและขายสินค้าและบริการ
การอนุญาตให้ใช้บริการ Mobile-Money มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการชําระเงินที่ไม่ใช้เงินสด
เพิ่มการเข้าถึงและการใช้บริการทางการเงิน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท พื้นที่ภูเขาห่างไกลของเวียดนาม
บริการ Mobile-Money ใช้กับธุรกรรมในประเทศเท่าน้ัน ไม่ใช้สําหรับบริการข้ามพรมแดน
อย่างไรก็ตามการเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซโดยตรงของผู้ประกอบการไทยอาจทําได้ยาก เนื่องจากข้อจํากัดต่างๆ เช่น ภาษา การนําเข้าสินค้า และการจัดส่งสินค้าที่ต้องการความรวดเร็ว ด้วยปัจจัยนี้ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาและหาพันธมิตรผู้นำเข้าเวียดนาม ในการทำการตลาดออนไลน์บนแพลตฟอร์มยอดนิยม เพื่อเจาะตลาดเวียดนามในอนาคต