สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)
เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกอ่าวอาหรับ (GCC) ที่ผู้ส่งออกหลายประเทศให้ความสนใจ เพราะเป็นตลาดส่งออกต่อ (Re-Export)
ที่สำคัญในตะวันออกกลาง
รวมถึงเครื่องดื่มซึ่งเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างน่าสนใจ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
การค้าเครื่องดื่มให้พลังงานที่เคยขยายตัวอย่างต่อเนื่องกลับชะลอตัวลง
เหตุเพราะหลายประเทศสนับสนุนกฎหมายห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มให้พลังงานกับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี รวมถึงเผยแพร่สารเคมีส่วนผสมที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตโดยเฉพาะวัยรุ่น เครื่องดื่มให้พลังงานมีส่วนผสมของสารคาเฟอีนในปริมาณไม่เกิน 50 มิลลิกรัม ต่อ 1 ขวด (100–150 มิลลิลิตร) เป็นที่นิยมดื่มในกลุ่มผู้ใช้แรงงานและคนที่ทำงานหนัก เนื่องจากเมื่อทำงานเสร็จร่างกายจะอ่อนเพลีย จึงต้องการพลังงานชดเชยกลับมา ปัจจุบันยังเป็นที่นิยมในกลุ่มอื่นๆ เช่น คนทำงานทั่วไป คนทำงานกลางคืน นักศึกษา
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
จากการสำรวจกลุ่มนักศึกษายูเออีพบว่าร้อยละ
85.1 ของนักศึกษาดื่มเครื่องดื่มให้พลังงาน และร้อยละ 16
ความถี่การดื่มเครื่องดื่มโดยเฉลี่ยวันละ 1 กระป๋องหรือมากกว่า
เครื่องดื่มที่นิยมได้แก่ยี่ห้อ Power Horse, Red Bull และ Vitaene
C เนื่องจากคาเฟอีนในเครื่องดื่มให้พลังงานจะไปกระตุ้นการเต้นของหัวใจ
และระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ไม่ง่วง รู้สึกกระปรี้กระเปร่า อ่านหนังสือและทำงานได้
ว่องไว กระฉับกระเฉงขึ้น
แต่หากดื่มมากจนเกินไป
จะทำให้มีอาการกระสับกระส่าย ใจสั่น และอาจนำไปสู่อันตรายที่ร้ายแรงมากกว่านี้จนถึงขั้นเสียชีวิตได้
ยูเออีเลยออกกฎหมายห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มให้พลังงานให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้ฝ่าฝืนมีบทลงโทษปรับ 27,200 เหรียญสหรัฐ และมีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต (Excise Tax) รัฐบาลกลางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ออกกฎหมาย Federal Law ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2559 (ค.ศ.2016)
จัดตั้งสำนักงาน สรรพากรแห่งชาติ (Federal Tax Authority :
FTA) เพื่อดูแลจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และกฎหมาย
Federal Decree-Law ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2560
(ค.ศ. 2017) ว่าด้วยการเก็บภาษีสรรพสามิต (Excise
Tax) สำหรับสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน
เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการภาษีเพื่อดูแลสุขภาพ สินค้าที่รัฐบาลยูเออีได้เก็บภาษีสรรพสามิต
มีดังนี้
สินค้าอัตราภาษี
- เครื่องดื่มให้พลังงาน 100%
- น้ำอัดลม 50%
- เครื่องดื่มผสมน้ำตาล 50%
ซึ่งหลัง 15 เดือนที่ประกาศขึ้นภาษีสรรพสามิต
ทำให้ยอดการจำหน่ายเครื่องดื่มให้พลังงานลดลง 65%
การผลิตในประเทศ
ขณะที่กลุ่มเครื่องดื่มให้พลังงานที่นำเข้าจากต่างประเทศเข้าไปทำตลาดหลายแบรนด์
ซึ่งในช่วงเดือน ก.พ. 2563 ในงานแสดงสินค้าอาหาร
Gulfood มีการเปิดตัวโรงงานผลิตเครื่องดื่มให้พลังงานในประเทศภายใต้แบรนด์
Dubai สร้างให้เป็นเครื่องดื่มให้พลังงานสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์เป็นเครื่องดื่มสุขภาพประเภท
low-calorie ไม่เติมน้ำตาลแต่ใช้หญ้าหวาน (Stevia) เป็นสารให้ความหวาน ส่วนราคา จำหน่ายถูกกว่าครึ่งของสินค้านำเข้า
หรือราคาประมาณ 1.40 เหรียญสหรัฐฯ และในอนาคตจะผลิตเครื่องดื่ม
Dubai Vitamin C
สินค้าในตลาด
ทั้งนี้จากข้อมูลของ Euromonitor International พ.ศ. 2561 รายงานว่า Red Bull, Power horse และ Monster
Energy เป็นผู้นำการจำหน่ายในยูเออี โดยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 35,
34 และ 31 ตามลำดับ
ภาษี กฎระเบียบการนำเข้า
1. ภาษีนำเข้าจากราคา CIF
ร้อยละ 5 ภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 5 และภาษีสรรพสามิตร้อยละ 100
2. เอกสารประกอบการนำเข้า
ได้แก่ Invoice, Certificate of Origin, ประทับตรารับรองจากหอการค้าไทย
และ Legalize จากสถานทูตประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตสในประเทศไทย
Bill of Lading และ Packing List
3. สำนักงานมาตรฐานและมาตรวิทยาของยูเออี
หรือ ESMA ออกระเบียบฉบับที่ 19 ปี ค.ศ
2011 กำหนดมาตร วิทยาเชิงเทคนิค ให้สินค้าเครื่องดื่มให้พลังงานจะต้องมีใบรับรองคุณภาพและมาตรฐาน
(Certificate of Conformity : CoC)
4. บนฉลากต้องแสดงเปอร์เซ็นต์ของวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนประกอบ
5. บนฉลากจะต้องแสดงคำเตือน
เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงข้อควรระวังในการดื่ม ตามระเบียบระบุใน annex (6)ของมาตรฐานผลิตภัณ์ Gulf standard
UAE.S GSO 1926: 2009
6.
กำหนดมาตรฐานเครื่องดื่มชูกำลังภายใต้กรอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ UAE.S GSO 126:1990
7. laboratory
analysis Report ออกโดยห้องปฎิบัติการที่ได้รับการรับรองและเชื่อถือ
ภายใต้กรอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ UAE.S GSO 1926:2009 เช่น SGS
เป็นต้น และใบรับรองมีอายุ 12 เดือน
8. Health
certificate ออกและรับรองโดยหน่วยงานสาธารณสุขประเทศผู้ส่งออก และมีข้อความระบุ
“fit for human consumption”
9. Halal
Certificate ออกโดยหน่วยงานอิสลามของประเทศผู้ส่งออกที่ได้รับการรับรองโดย
ESMA
10. เอกสารรับรองโรงงงานผู้ผลิตมีระบบสุขลักษณะและอาหารปลอดภัย
FSMS
วิเคราะห์แนวโน้มในตลาดอูเออี
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ International Diabetics Federation ปรากฏข้อมูลปีพ.ศ.
2560 ประชากรยูเออีร้อยละ 17 อายุเฉลี่ยระหว่าง 20-70 ปี ป่วยเป็นเบาหวานประเภท 2
และยูเออีเป็นประเทศที่มีคนป่วยเบาหวานมากเป็นอันดับที่ 15ของโลก
ทำให้ประชาชนและรัฐบาลหันมาให้ความสำคัญกับการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสมมากขึ้น
ผู้นำเข้าต้องปรับตัวเดินหน้าสร้างตลาดเครื่องดื่มให้พลังงาน
โดยนำเข้าสินค้าให้พลังงานสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ เช่น ไม่มีส่วนประกอบของทอรีน ลดน้ำตาล และไม่มีคาเฟอีน ซึ่งสินค้าเหล่านี้เจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเครื่องดื่มสุขภาพแทนเครื่องดื่มชูกำลังแบบดั้งเดิมที่เต็มไปด้วย
taurine และ caffeine
และคาดว่าการแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานจะเข้มข้นขึ้น
เนื่องจากผู้บริโภคหดตัวลง
เพราะราคาสินค้าเป็นจุดสำคัญหลังจากที่ขึ้นภาษีสรรพสามิตถึงร้อยละ 100
และแนวโน้มนี้เริ่มเด่นชัดมากขึ้นในสถานการณ์เศรษฐกิจเปราะบางอยู่ในขณะนี้
กระนั้นสินค้าใหม่จะเข้าตลาดจะต้องสร้างความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์
เน้นชูวิตามินหรือเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเป็นจุดขาย โดยการสร้างยี่ห้อสินค้าให้เป็นที่รู้จัก
จะต้องใช้งบทำตลาดสูง จัดแคมเปญ เฉลี่ยจัดราว 2-3 ครั้ง/ปี เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จักแทนที่ยี่ห้ออื่นที่ปัจจุบันทำตลาดนี้มานานและเป็นยี่ห้อที่นิยมทั่วโลก
แหล่งอ้างอิง : สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
อุปสรรคใหม่และความท้าทายของตลาดฮาลาลในอินโดนีเซีย
4 กฎเหล็ก “European Green Deal” ส่งออกตลาดยุโรปต้องดู