นักกีฬาอีสปอร์ต–ติดเกม ข้อแตกต่างที่ผู้ปกครองต้องแยกให้ออก
อีสปอร์ต (E-Sport) หนึ่งในเกมกีฬารูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลกในปัจจุบัน รวมถึงมีการแข่งขันสร้างชื่อเสียงและชิงรางวัลกันอย่างจริงจัง ตั้งแต่ระดับภูมิภาคจากหลากหลายประเทศไปจนถึงระดับโลก ซึ่งเยาวชนของประเทศไทยก็เป็นกลุ่มคนอีกจำนวนหนึ่งที่ค่อนข้างมีความสามารถด้านอีสปอร์ตในระดับแนวหน้าของโลก แต่กลับยังไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะเหตุผลบางประการ โดยเฉพาะเรื่องขาดการยอมรับจากผู้ปกครองและขาดการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทำความเข้าใจกับ อีสปอร์ต (E-Sport)
อีสปอร์ต (E-Sport) มาจากคำว่า Electronic Sport เป็นเกมกีฬาอิเล็กทรอนิกส์
ที่ถูกพัฒนามาจากเกมรูปแบบเดิมอย่างที่ผู้ใหญ่หลายคนเข้าใจ แต่กีฬาอีสปอร์ตนี้มีกฎ
กติกา และวิธีการเล่นที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อนำมาใช้เล่นและแข่งขันในระดับสากลเพื่อชิงรางวัลและชื่อเสียง
จำเป็นต้องใช้ทักษะจากการฝึกฝน และอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ให้มีความพร้อมในการเล่นมากพอ
ในบางเกมอาจมีแข่งขันแบบเดี่ยวหรือแบบทีมหรือทั้งสองแบบ
ซึ่งหากแข่งแบบทีมจะต้องใช้ความสามัคคีคล้ายกับการเล่นแบบทีมของเกมกีฬาทั่วไป
เหตุผลที่อีสปอร์ต (E-Sport) ถูกจัดให้เป็นเกมกีฬา
ในช่วงประมาณปี 2561 ที่อีสปอร์ต (E-Sport) กำลังจะถูกจัดหมวดหมู่ให้อยู่ในส่วนของเกมกีฬา
มีผู้ปกครอง แพทย์ และนักวิชาการหลายภาคส่วนไม่เห็นด้วย
เนื่องจากในขณะนั้นมีผู้ที่เข้ารับการรักษาและป่วยเป็นโรคติดเกมอยู่ที่หลักร้อย
แต่คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา
ก็ตัดสินใจยอมรับให้อีสปอร์ตเป็นกีฬา เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศไทยสามารถส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันในระดับนานาชาติได้
เพราะหากไม่จัดเป็นกีฬาก็จะไม่มีการจัดตั้งสมาคมและไม่สามารถส่งเข้าแข่งขันได้
รวมถึงเพื่อเป็นประโยชน์ในการสร้างมาตรการและศึกษาผลกระทบให้ชัดเจน โดยเชื่อว่าต่อให้ไม่ประกาศเป็นเกมกีฬาก็จะมีผู้ที่ติดเกมอยู่ดี
แต่หากไม่เลือกให้อีสปอร์ตเป็นเกมกีฬา ก็จะเป็นการปิดกั้นโอกาสของเยาวชนไทย
นักกีฬาอีสปอร์ต–ติดเกม
โดยปกติแล้วจะแบ่งผู้เล่นเกมออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่
1) นักกีฬาอีสปอร์ต คือคนที่ผ่านการฝึกฝนความสามารถและทักษะเกี่ยวกับการเล่นเกมมาอย่างเข้มข้นจนสามารถเป็นนักกีฬามืออาชีพ
มีรายได้มาจากรางวัล สปอนเซอร์ และการหารายได้ทางอื่นเพิ่มเติม เช่น พรีเซนเตอร์
ยูทูปเบอร์ ฯลฯ
นอกจากจะต้องเตรียมความพร้อมในด้านทักษะการเล่นเกมและวินัยที่มากพอแล้ว
ยังต้องเตรียมพร้อมทั้งสุขภาพ ร่างกาย รวมถึงอาหารการกินอีกด้วย
2) คนที่เล่นเกมเพื่อความเพลิดเพลิน คือคนธรรมดาทั่วไปที่อาจจะมีเพียงสมาร์ตโฟน หรืออุปกรณ์ใดที่ดาวน์โหลดเกมลงเครื่องก็สามารถเล่นได้
เพื่อความเพลิดเพลินใจในบางเวลา
3) คนที่มีอาการติดเกม คือคนที่มีอาการเสพติดเกมมากจนขาดความสามารถในการแยกแยะบางอย่าง
เป็นอาการป่วยประเภทหนึ่งที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาและบำบัดจากจิตแพทย์
อาจสังเกตได้จากการใช้เวลาเล่นเกมต่อวันมากเกินไป
ไม่อยากที่จะทำอย่างอื่นหรือขยับตัวไปไหนนอกจากอยู่กับเกม
และเกิดปัญหาทางอารมณ์หากมีบางอย่างมารบกวนการเล่นเกม
รวมทั้งอาจมีพฤติกรรมในการใช้จ่ายในด้านเกมมากเกินไปอีกด้วย
ซึ่งตรงนี้สำหรับผู้ปกครองควรตรวจสอบการใช้เงินของบุตรหลานว่ามีการใช้จ่ายกับเกมเกินปกติหรือสูงไปหรือไม่ด้วย
โดยสรุปแล้ว
หากผู้ปกครองจะลองแยกระหว่าง นักกีฬาอีสปอร์ต และคนที่มีอาการติดเกม ง่ายๆ
เลยก็คือ วินัยในการฝึกทักษะเล่นเกม และการแบ่งเวลาให้เหมาะสม ซึ่งบางครั้งก็มีเส้นคั่นบางๆ
มากสำหรับการติดเกมหรือการเป็นนักกีฬาอีสปอร์ต
ดังนั้นต้องหมั่นสังเกตว่าบุตรหลานทั้งวันหมกมุ่นอยู่กับการเล่นเกม
โดยไม่ทำกิจกรรมอย่างอื่นเลย ไม่สนใจการเรียน อารมณ์ฉุนเฉียว ก้าวร้าว
และจัดลำดับตารางชีวิตไม่ได้ อาการเหล่านี้เรียกว่าติดเกม ซึ่งเยาวชนส่วนใหญ่เป็นแบบนี้
ดังนั้นผู้ปกครองจึงมีส่วนสำคัญในการให้คำแนะนำในการเล่นเกมอย่างเหมาะสม
การสร้างรายได้กับกีฬาอีสปอร์ต
สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่ยังคงมีความกังวลใจว่า
การส่งเสริมให้เยาวชนเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตจะคุ้มหรือไม่ และอาชีพนี้จะยั่งยืนแค่ไหน
เราจะขอพาท่านมาสำรวจตลาดอุตสาหกรรมกีฬาอีสปอร์ตกัน
ในช่วงประมาณปี 2562 มีคนไทยเล่นเกมสูงถึง 41% ของประชากรทั้งหมด
ภายในตลาดอุตสาหกรรมเกมมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท
และในปีนี้ได้มีการคาดการณ์กันว่าภายในอีก 2 ปีข้างหน้า
หรือปี 2565 ภายในตลาดจะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 4.5
หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
โดยมูลค่าหลักจากในท้องตลาดมาจากสปอนเซอร์ที่พร้อมจะทุ่มเงินไปกับสื่อและโฆษณาผ่านอีสปอร์ตทั้งทางตรงและทางอ้อม
คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของมูลค่าทั้งหมด
รองลงมาเป็นรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ ค่าโฆษณา และค่าเข้าชมการแข่งขัน
หากจะวางแผนถึงเรื่องความยั่งยืนไปจนถึงอนาคตแล้ว มีแนวโน้มเป็นไปได้ว่าตลาดเกมและอีสปอร์ตของไทยจะยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ในแต่ละปี โดยในปีที่ผ่านมาประเทศไทยติดอันดับตลาดเกมและอีสปอร์ตมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่
19 ของโลก และมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นอย่างน้อยปีละ 9-12%
ต่อปี
ถึงแม้ว่าวันหนึ่งผู้คนที่มีความใฝ่ฝันอยากที่จะทำอาชีพเกี่ยวกับเกมจะไปไม่ถึงการเป็นนักกีฬาอีสปอร์ต
เพราะการจะก้าวขึ้นไปถึงการเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตมีโอกาสเพียง 1 ในล้าน
แต่ก็ยังมีอีกหลายอาชีพที่พร้อมจะให้ทุกคนได้สัมผัสกับสิ่งที่รัก เช่น สตรีมเมอร์
นักพากย์ ผู้พัฒนาเกมและทีม ฯลฯ ที่ยังคงมีโอกาสเติบโตในวงการนี้อีกมากมาย
หากผู้ปกครองยอมรับและมีความเข้าใจให้แก่เยาวชน จะพอเห็นได้เลยว่า เกมในทุกวันนี้ไม่ใช่ตัวร้ายที่ทำลายเด็ก แต่เป็นอีกหนึ่งโอกาสในการสร้างอาชีพและรายได้ด้วยสิ่งที่พวกเขารัก แต่ต้องไม่ลืมที่บอกให้พวกเขาจัดระเบียบวินัยและมองภาพความเป็นจริงอยู่เสมอ เพราะอย่างที่บอกจะกีฬา หรือติดเกม ก็อาจต่างเพียงเส้นคั่นบางๆ สำหรับเยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะผู้ปกครองควรทำความเข้าใจเกมที่บุตรหลานเล่น และคอยแนะนำอย่างใกล้ชิด