ส่องแผนขนส่งอัจฉริยะอย่างยั่งยืนฉบับใหม่ของอียู

SME Go Inter
04/01/2021
รับชมแล้วทั้งหมด 3118 คน
ส่องแผนขนส่งอัจฉริยะอย่างยั่งยืนฉบับใหม่ของอียู
banner

ในปัจจุบันภาคการขนส่งเป็นตัวการสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก โดยก๊าซเรือนกระจกในทวีปยุโรปราว 1 ใน 4 มาจากภาคขนส่งซึ่งยังต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นพลังงานหลัก ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของอียูตามแผนนโยบาย Green Deal ที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) อียูจึงเร่งผลักดันให้มีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากภาคการขนส่ง ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และทางราง ให้ได้ร้อยละ 90 ภายในปี 2593

เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยใช้ชื่อว่า “การพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะอย่างยั่งยืน” (EU Strategy on Sustainable and Smart Mobility) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งที่ทันสมัย ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ราคาไม่แพง และประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงได้ รวมถึงต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

ซึ่งยุทธศาสตร์ฉบับนี้เป็นกรอบการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบขนส่งที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในระยะสั้น 10-15 ปี และระยะยาว 30 ปีข้างหน้า โดยการลดปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน และกระตุ้นให้ผู้ผลิตพัฒนาสินค้าที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่ไปกับการผลักดันให้เกิดลงทุนที่มุ่งเน้นความยั่งยืนในระยะยาว (sustainable investment) เช่น การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นการปรับแผนรับการเปลี่ยนแปลงของทั้งเศรษฐกิจจากโรคโควิด 19

การสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การปรับตัวให้สอดรับกับเทคโนโลยีใหม่ เช่น พลังงานทดแทน, ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี), เทคโนโลยีดิจิทัลหรือ 5G, นวัตกรรม, ตลอดจนปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจภาคการขนส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนให้กับสังคม ดังนั้นการจัดทำแผนยุทธศาสตร์จะทำให้เห็นภาพว่า การบริการด้านการขนส่งทางบก ทางราง ทางนํ้า และทางอากาศในภูมิภาคยุโรปจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวอย่างไร

 

โดยยุทธศาสตร์ข้างต้นจะแบ่งเป็น 3 ระยะ

ระยะ 10 ปี (ภายในปี 2573) : รถที่วิ่งบนท้องถนนในภูมิภาคยุโรปอย่างน้อย 30 ล้านคัน จะเป็นรถปลอดมลพิษ (Zero-emission Vehicle) เพิ่มสัดส่วนเมืองปลอดควันพิษในภูมิภาคยุโรปเป็น 100 เมือง เพิ่มสัดส่วนรถไฟความเร็วสูงในภูมิภาคยุโรปเป็น 2 เท่าตัว การเดินทางสัญจรในระยะทางไม่เกิน 500 กิโลเมตร ต้องมาจากระบบขนส่งที่ปลอดมลพิษ ส่งเสริมให้มีการใช้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (automated mobility) อย่างแพร่หลาย สนับสนุนให้มีการพัฒนาเรือที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษให้พร้อมวางจำหน่าย

ระยะ 15 ปี (ภายในปี 2578) : ส่งเสริมให้มีการพัฒนาเครื่องบินขนาดใหญ่ที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษให้พร้อมวางจำหน่าย

ระยะ 30 ปี (ภายในปี 2593) : กำหนดให้รถยนต์ รถตู้ รถบัส และรถบรรทุกหนักที่วิ่งบนท้องถนนในภูมิภาคยุโรปเกือบทุกคันเป็นยานยนต์ที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางรถไฟเป็น 2 เท่าตัว ส่งเสริมการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายการขนส่งความเร็วสูงต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Trans-European Transport Network (TEN-T) ให้มีคุณภาพและยั่งยืน และพร้อมเปิดให้บริการแก่ประชาชนในราคาไม่แพง

นอกจากนี้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวยังระบุโครงการริเริ่มทั้งหมด 82 โครงการใน 10 ประเด็นสำคัญสำหรับการดำเนินการ โดยแต่ละมาตรการมีความเป็นรูปธรรมในทางทางปฏิบัติ เช่น การเพิ่มการเดินทางโดยใช้จักรยานเพื่อลดการใช้รถยนต์ โดยการสร้างช่องทางจักรยานในเมืองหลวง และในชุมชนอย่างน้อย 5 พันกิโลเมตร

การเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ที่ใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้น เช่น พลังงานแบตเตอรี่ (BEV) หรือรถพลังงานไฮโดรเจน เพื่อลดมลพิษที่เกิดจากการขนส่งด้วยน้ำมันเบนซินหรือดีเซล รวมถึงการสร้างจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วภูมิภาคยุโรปแม้ในพื้นที่ห่างไกล ตลอดจนการกำหนดมาตรฐานการปล่อยสารมลพิษ post-Euro 6 ในปี 2564 และการปรับปรุงระบบตรวจวัด CO2 เพื่อผลักดันโซลูชั่นด้านระบบขนส่งที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น

การปฏิรูปการขนส่งสินค้าจากทางถนนเป็นระบบราง เช่น การเก็บภาษีรถบรรทุกขนาดใหญ่ตามอัตราการปล่อย CO2 หรือการพัฒนารถไฟสินค้าเชื่อมต่อระหว่างเมือง และการแก้ไขกฎระเบียบเกี่ยวกับการจองตั๋ว รวมถึงการสร้าง mobile application เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางต่อเนื่องกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ เช่น รถแทรม (รางเบา), รถไฟใต้ดิน, รถแท็กซี่ และรสบัส รวมถึงขยายบริการรถไฟตู้นอนข้ามคืนในประเทศยุโรป

การส่งเสริมการขนส่งทางอากาศที่ใช้พลังงานสะอาดและพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลน้อยที่สุด (Green aviation) เช่น จูงใจให้เกิดการลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องบินที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน และการพัฒนา AI เพื่อนำมาใช้งานในภาคขนส่งและโลจิสติกส์

การกำหนดราคาคาร์บอน (Carbon Pricing) เช่น การใช้ระบบซื้อขายใบอนุญาตปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Trading Scheme : ETS) สำหรับการขนส่งทางเรือและทางถนน การเปิดเผยข้อมูลการวัดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่าง ๆ (carbon footprint) เพื่อแสดงให้ผู้โดยสารเห็นว่าการเดินทางเที่ยวนั้นๆ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ และเพิ่มมาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมการลดมลพิษในภาคขนส่งทางน้ำ


จากภาพยุทธศาสตร์ด้าน Sustainable and Smart Mobility ของอียู ทำให้เห็นว่าพัฒนาการด้านเมืองและการจัดการด้านการขนส่งของเมือง ยังต้องมองภาพของการสร้างความยั่งยืนในระยะยาวอีกด้วย ดังนั้นหากมองในแง่ของการวางโมเดลธุรกิจในอนาคต ผู้ประกอบการก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านนี้เช่นกัน เพราะโลกในอนาคตอันใกล้นี้พลังงานฟอสซิลจะถูกลดบทบาทลง และการมุ่งสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น

ตลอดจนมาตรการด้านภาษีที่จะเข้ามาบังคับให้ผู้ประกอบการต้องมีการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน ทั้งหากมองภาพยุโรปแล้วย้อนกลับมามองมิติด้านการพัฒนาของประเทศไทย ซึ่งมุ่งยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งและเมืองที่ยั่งยืนนี้เช่นกัน รวมทั้งการผลักดันนโยบายด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ดังนั้นธุรกิจจึงไม่สามารถละเลยการวางเป้าหมายด้านนี้ได้อีกต่อไป

 

แหล่งอ้างอิง : https://thaieurope.net/ 

                     https://ec.europa.eu/

                     : https://ec.europa.eu/commission/   



Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ตลาดอาหารวีแกน เทรนด์โลก โตแรง! โอกาสทองของผู้ส่งออกไทย ที่ต้องรีบคว้า

ตลาดอาหารวีแกน เทรนด์โลก โตแรง! โอกาสทองของผู้ส่งออกไทย ที่ต้องรีบคว้า

เทรนด์การรับประทานอาหารแบบเนื้อไร้เนื้อ ยังคงเป็นแนวโน้มการบริโภคที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  จากกระแสการหันมาดูแลสุขภาพ…
pin
7703 | 17/01/2023
ไทย หนึ่งในเป้าหมาย! จีนเล็งลงทุนเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ผู้ประกอบการ SME ปรับตัวไวได้ประโยชน์มหาศาล

ไทย หนึ่งในเป้าหมาย! จีนเล็งลงทุนเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ผู้ประกอบการ SME ปรับตัวไวได้ประโยชน์มหาศาล

ขณะนี้ โลกของเราได้เข้าสู่ยุคระบบเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy : DE) ซึ่งหลอมรวมเทคโนโลยีดิจิทัลให้เข้ากับวิถีชีวิตของผู้คน ส่งผลให้เศรษฐกิจดิจิทัลได้กลายเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทย…
pin
2459 | 21/12/2022
โอกาสมาแล้ว! ดีมานด์มันสำปะหลังจีนโตแรง เกษตรกรไทยลุยรุกส่งออกแดนมังกร ชิงส่วนแบ่งตลาดก้อนยักษ์

โอกาสมาแล้ว! ดีมานด์มันสำปะหลังจีนโตแรง เกษตรกรไทยลุยรุกส่งออกแดนมังกร ชิงส่วนแบ่งตลาดก้อนยักษ์

อีกหนึ่งโอกาสเกษตรกรไทย! คาดการณ์ความต้องการมันสำปะหลังช่วง 6 เดือนหลังของปี 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดทั้งปีไทยส่งออกกว่า 11 ล้านตัน…
pin
5682 | 23/10/2022
ส่องแผนขนส่งอัจฉริยะอย่างยั่งยืนฉบับใหม่ของอียู