ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปเสียทีหลังความตกลงระหว่างสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ที่ได้คลี่คลายประเด็นข้อเรียกร้องของทั้งสองฝ่ายใน 3 ประเด็น ได้แก่ การรักษาการแข่งขันที่เป็นธรรม, กลไกการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่อิงตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยไม่ผ่าน European Court of Justice และสิทธิการประมงในน่านน้ำสหราชอาณาจักร รวมถึงความร่วมมือระหว่างกันต่อไปในด้านต่างๆ อาทิ ด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม การบิน ระหว่างประเทศ การขนส่ง และความมั่นคง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยความตกลงนี้ถือเป็นความตกลงการค้าที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาสำหรับทั้งสองฝ่าย
และเป็นพื้นฐานที่มั่นคงในการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างสหราชอาณาจักรกับสหภาพยุโรป
หลังสิ้นสุด transition period ในวันที่
31 ธ.ค. 2563 ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้แก้ไขในทุกปัญหาระหว่างกัน
แต่ถือเป็นความสำเร็จในการรักษาความมั่นคงซึ่งกันและกัน โดยฝ่ายสหภาพยุโรปมองว่า
สามารถปกป้องความมั่นคงของ Single Market และรักษาประโยชน์ในการทำประมงในน่านน้ำสหราชอาณาจักรได้อีกอย่างน้อย
5 ปีข้างหน้า
ในขณะที่ฝ่ายสหราชอาณาจักร
มองว่าประสบความสำเร็จในการได้รับอิสรภาพทางกฎระเบียบจากสหภาพยุโรป
และได้สิทธิการเข้าตลาดสหภาพยุโรปในฐานะประเทศที่สามแบบไม่มีภาษีและโควตา
ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับภาคธุรกิจสหราชอาณาจักรในทุกระดับ
ซึ่งเรื่องนี้ นาย Boris Johnson นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
เห็นว่าเป็นความตกลงที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายแล้ว
และได้พยายามโน้มน้าวสมาชิกรัฐสภาสหราชอาณาจักรให้เห็นชอบกับร่างความตกลงดังกล่าว โดยมีหนังสือเวียนถึงสมาชิกรัฐสภาสหราชอาณาจักร
โดยย้ำประเด็นสำคัญ อาทิ
ความตกลงดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ใช่กฎหมายสหภาพยุโรป
การรักษามาตรฐานด้านแรงงานและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งสิทธิในการปรับเปลี่ยนมาตรฐานของสหราชอาณาจักรต่อไป
ความสามารถในการมีระบบการช่วยเหลือภาคเกษตรกรรมของตนเอง โดยไม่อยู่ภายใต้ EU State Aid Regime การเข้าถึงตลาดการค้าและการบริการในสหภาพยุโรปอย่างเสรี
รวมถึงการสร้างความแน่นอนในภาคการขนส่งและความร่วมมือด้านความมั่นคงด้วย
อย่างไรก็ตามการที่สหภาพยุโรปบรรลุความตกลงกับสหราชอาณาจักรในกรณี
Brexit นี้จะส่งผลกระทบให้มีการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนและปริมาณการนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างสหราชอาณาจักรกับประเทศอื่นๆ
รวมทั้งประเทศไทยด้วย
เนื่องจากสหภาพยุโรปจะเป็นตลาดหลักของสหราชอาณาจักรโดยไม่มีภาษีและโควตา
ซึ่งผู้ประกอบการไทยที่เกี่ยวข้องควรติดตามการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและประเมินโอกาสอีกครั้ง
นอกจากนี้ประเทศไทยยังควรเริ่มการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงเปิดเสรีการค้าทวิภาคีกับสหราชอาณาจักร
เพื่อเพิ่มตลาดส่งออกให้กับไทยอีกด้วย
แหล่งอ้างอิง : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน