ช่วงต้นเดือนมิถุนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า
(DG Trade) ได้เผยแพร่รายงานการติดตามปัญหาอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนของผู้ประกอบการอียู
หรือที่เรียกว่า “Trade and
Investment Barriers Report” ฉบับล่าสุด
ซึ่งยืนยันการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของอุปสรรคทางการค้าที่ผู้ประกอบการอียูกำลังเผชิญในตลาดโลก
โดยนาง Cecilia Malmstrom กรรมาธิการด้านนโยบายการค้าของสหภาพยุโรปกล่าวในเรื่องนี้ว่า “ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดทางการค้าในโลกปัจจุบันอันเนื่องมาจากการที่หลายประเทศหันมาใช้มาตรการกีดกันทางการค้าเพื่อปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติ จึงมีความจำเป็นที่คณะกรรมาธิการยุโรปจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทอียูในตลาดโลกโดยเน้นการปฏิบัติตามกฎกติกาทางการค้าระหว่างประเทศที่ใช้เป็นพื้นฐานร่วมกัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
เป็นที่น่ายินดีว่าคณะกรรมาธิการด้านการค้าชุดปัจจุบันสามารถช่วยแก้ไขอุปสรรคในการส่งออกสินค้าของผู้ประกอบการอียูไปได้ถึง
123 เรื่องนับตั้งแต่ตนเข้าดำรงตำแหน่งปี 2557
ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ทัดเทียมกับการทำความตกลงทางการค้าเสรีของอียูกับประเทศที่สาม
ซึ่งคณะกรรมาธิการยุโรปจะเดินหน้าดูแลช่วยเหลือผู้ประกอบการอียูต่อไปเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายการค้ากับประเทศที่สามอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
อย่างไรก็ตาม
ประเด็นที่น่าสนใจของเรื่องนี้ที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย จาก รายงานติดตามปัญหาอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนของผู้ประกอบการอียูฉบับดังกล่าว
ที่มีสาระสําคัญสรุปได้ดังนี้
เกิดความสูญเสียหลายพันล้านยูโรต่อปี : จำนวนมาตรการที่เป็นอุปสรรคทางการค้าการลงทุนที่อียูประสบในประเทศที่สาม
มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 425 เรื่อง ใน 59 ประเทศ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2561 โดยในปี 2561
มีการออกมาตรการทางการค้าใหม่ 45 เรื่องจาก 23 ประเทศ
ซึ่งสร้างความเสียหายหรือกระทบต่อการประกอบธุรกิจของอียูเป็นเงินหลายพันล้านยูโรในแต่ละปี
จีนกีดกันเยอะสุด : จากการสำรวจพบว่า
จีนเป็นประเทศที่มาตรการกีดกันทางการค้าการลงทุนมากที่สุด (37 มาตรการ)
แซงหน้ารัสเซียซึ่งมีมาตรการกีดกันทางการค้าการลงทุนเป็นอันดับแรกของโลกในปีที่ผ่านมา
(34 มาตรการ) ตามด้วยอินเดีย (25 มาตรการ) อินโดนีเซีย (25 มาตรการ)
และสหรัฐอเมริกา (23 มาตรการ)
ไทยก็เอี่ยวด้วย : ไทยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่มีมาตรการกีดกันทางการค้าการลงทุน 10
มาตรการขึ้นไป (รวม 12 มาตรการ) โดยรายงานระบุเพิ่มเติมว่าในปี 2561
ไทยออกมาตรการใหม่ 1 มาตรการ คือ การกำหนดให้ต้องมีเอกสารรับรองมาตรฐานสินค้าสำหรับการนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ในขณะเดียวกันก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ 1 มาตรการ คือ
การห้ามนำเข้าเนื้อวัวเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อวัวบ้า
ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบรายละเอียดมาตรการเหล่านี้ได้เพิ่มเติมจาก Market Access Database ซึ่งเป็นฐานข้อมูลของคณะกรรมาธิการยุโรปที่เปิดให้ผู้ประกอบการสามารถแจ้งร้องเรียนเกี่ยวกับมาตรการของประเทศที่สาม โดยอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://bit.ly/2ZzJt9f
รายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่อียูให้กับการรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับการส่งออกของประเทศ
การติดตามและรายงานสถานะความคืบหน้าตลอดจนการรับฟังปัญหาอุปสรรคทางการค้าการลงทุนของสินค้าส่งออกของอียูจากผู้ประกอบการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสำหรับนำไปเป็นข้อมูลเพื่อกำหนดท่าทีและกลยุทธ์ในการเจรจาการค้ากับประเทศคู่ค้าต่อไป
อ้างอิง :
ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในยุโรป Thaieurope.net