‘Ever Given’ ขอเลื่อนพิจารณาคดี เพื่อเจรจา ‘ค่าชดเชย’
เรือบรรทุกสินค้าเอเวอร์ กิฟเวน (Ever Given) ที่ดำเนินการโดยบริษัทเอเวอร์กรีน มารีน ของไต้หวัน ซึ่งประสบอุบัติเหตุขวางคลองสุเอซ เส้นทางขนส่งทางเรือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จนส่งผลให้มีการฟ้องร้องเรียกค่าชดเชย ล่าสุดศาลเศรษฐกิจของอียิปต์ (The Ismailia Economic Court) เลื่อนพิจารณาคดีเรือ Ever Given ไปวันที่ 20 มิถุนายนนี้ จากคำร้องของทนายผู้แทนของ Suez Canal Authority (SCA) และเจ้าของเรือ โดยการขอเลื่อนการพิจารณาคดีดังกล่าวคาดว่า เนื่องจากอยู่ระหว่างการเจรจาและไกล่เกลี่ยของทั้งสองฝ่าย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยศาลเศรษฐกิจได้มีคำสั่งเมื่อเดือนเมษายน
ให้กักเรือ Ever Given จากข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องค่าชดเชยจำนวน
916 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก Suez Canal Authority (SCA) เกี่ยวกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นเนื่องจากการที่เรือ Ever Given ขวางคลองสุเอซ โดย Shoei Kisen เจ้าของเรือที่เป็นบริษัทญี่ปุ่นได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลเพื่อทบทวนคำสั่งกักเรือดังกล่าว
อย่างไรก็ตามล่าสุด SCA ได้ยอมที่จะลดค่าชดเชยจาก 916
ล้านเหรียญสหรัฐ เหลือ 550 ล้านเหรียญสหรัฐ
เพื่อยุติข้อพิพาท โดยเรือ Ever Given จะได้รับอนุญาตให้ออกจากท่าหากจ่ายค่าปรับเป็นเงินสดจำนวนร้อยละ
40 ของค่าปรับทั้งหมด อย่างไรก็ตามบริษัทประกันของเรือ Ever
Given กล่าวว่าค่าชดเชยดังกล่าวสูงเกินความจริง และได้เสนอที่จะจ่ายค่าชดเชยจำนวน
150 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปก่อนหน้านี้
คลองสุเอซจัดเป็นเส้นทางขนส่งทางทะเลที่มีความสำคัญ
เชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอินเดียผ่านทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลแดง
ช่วยเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างภูมิภาคเอเชียและยุโรป
ลดระยะเวลาการเดินทางของเรือไม่ต้องเดินทางอ้อมแหลมกู๊ดโฮปในทวีปแอฟริกา
โดยคลองสุเอซมีระยะทาง 193.3 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางผ่านประมาณ 11-16 ชั่วโมง
มีปริมาณการขนส่งทางเรือผ่านคิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 10 ของการขนส่งทางเรือทั่วโลก
มีรายได้เฉลี่ย 5,900 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี โดยอียิปต์ตั้งเป้าที่จะสร้างรายได้จากคลองสุเอซให้ถึง
13,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2566 ปัจจุบันอียิปต์อยู่ระหว่างการพัฒนาคลองสุเอซครั้งใหญ่
มีการขุดคลองเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งสาย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2566
ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางและสามารถรองรับปริมาณเรือต่อวันได้มากขึ้น
การกักเรือ Ever Given ส่งผลให้สินค้าบนเรือติดค้างไม่สามารถขนส่งต่อไปยังท่าเรือปลายทางที่เมืองร็อตเตอร์ดัม
ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องระหว่างผู้นำเข้าและผู้ส่งออกกับบริษัท
เดินเรือหากข้อพิพาทมีความยืดเยื้อ
ส่งผลให้บริษัทประกันรวมถึงบริษัทเดินเรือเริ่มพิจารณาหาเส้นทางเดินเรือใหม่
เพื่อลดความเสี่ยงในการขนส่งสินค้าและเพิ่มทางเลือกใหม่ที่จะช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนในการขนส่ง
โดยเฉพาะผู้ส่งออกจากญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้เริ่มพยายามหาเส้นทางการส่งออกสินค้าจากเอเชียเข้าสู่ยุโรปผ่านเส้นทางใหม่ๆ
ที่จะไม่ต้องผ่านคลองสุเอซ โดยใช้เส้นทางขนส่งในลักษณะการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ
(Multimodal transport) ขนส่งทางน้ำไปยังท่าเรือที่ประเทศรัสเซีย
จากนั้นขนส่งต่อด้วยระบบราง
อย่างไรก็ดี การปรับเปลี่ยนรูปแบบและเส้นทางการขนส่งดังกล่าวอาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเร็ววัน
เนื่องจากผู้ให้บริการขนส่งสินค้า (Logistics & Freight
Forwarders) ส่วนใหญ่ยังคงใช้ช่องทางเดิมทึ่มีความคุ้นเคยและชำนาญมากกว่า
เว้นเสียแต่เส้นทางใหม่ที่เชื่อมโยงมีข้อดีและประโยชน์มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดทั้งในเชิงของระยะเวลาและต้นทุนในการขนส่ง
ประกอบกับยังมีประเด็นด้านการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง
นอกจากนี้การขนถ่ายสินค้ายังต้องอาศัยความชำนาญของผู้ขนส่งที่จะเชื่อมโยงการขนส่งในหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน
เพื่อให้สินค้าที่ขนส่งผ่านช่องทางดังกล่าวเป็นไปอย่างราบรื่นตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
แหล่งอ้างอิง : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ