เรื่องน่ารู้ของการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด

Edutainment
29/12/2020
รับชมแล้วทั้งหมด 1620 คน
เรื่องน่ารู้ของการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด
banner

โลกกำลังเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังกลายพันธุ์แพร่ระบาดหนักในประเทศอังกฤษ อันเป็นสาเหตุให้ประเทศอังกฤษประกาศล็อกดาวน์กรุงลอนดอน รวมถึงภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ยกระดับการควบคุมโรคระบาดช่วงเทศกาลคริสต์มาสในพื้นที่อื่นๆ ของอังกฤษ สกอตแลนด์ และเวลส์ ตลอดจนทำให้หลายประเทศสั่งปิดพรมแดนห้ามการเดินทางมาจากสหราชอาณาจักรอย่างเร่งด่วน โดยข้อมูลจากรัฐบาลพบว่า 28% ของผู้ติดเชื้อโรคโควิด 19 ในกรุงลอนดอนช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน เป็นเชื้อกลายพันธุ์ชนิดใหม่ แต่ปัจจุบันพบว่าสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มมาเป็นกว่า 60%

องค์การอนามัยโลกระบุว่าได้พบต้นตอเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์นี้ที่เมืองเคนต์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 20 กันยายน แต่ยังไม่พบการระบาดของเชื้อไวรัส จนเข้าสู่เดือนตุลาคมถึงเริ่มพบว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส และมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้เกิดการสอบสวนโรคและค้นพบการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสชนิดใหม่ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม-13 ธันวาคม และพบว่ามากกว่า 50% ของผู้ติดเชื้อในทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ ได้รับเชื้อโควิด 19 กลายพันธุ์

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

ตามข่าวระบุว่า เชื้อกลายพันธุ์ชนิดใหม่นี้สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าเชื้อโรคโควิด 19 ชนิดอื่น และพบว่าไวรัสได้พัฒนาตัวเองเพื่อให้มนุษย์เราติดเชื้อได้ง่ายขึ้น โดยเชื้อกลายพันธุ์ชนิดใหม่นี้อาจสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้นถึง 70% ทั้งนี้ยังคงต้องทดลองศึกษากันต่อไปถึงความสามารถของไวรัสกลายพันธุ์ชนิดใหม่นี้ เนื่องจากการกลายพันธุ์ของเชื้อโรคนั้นเป็นไปตามธรรมชาติ ปัจจุบันได้เริ่มลุกลามไปสู่ประเทศเยอรมนี สิงคโปร์ และเดนมาร์ก ซึ่งพบว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ราว 0.4% และจำนวนผู้ติดเชื้อที่พบในเดนมาร์กนั้นไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ กับประเทศอังกฤษและไม่เคยเดินทางไปประเทศอังกฤษหรือประเทศอื่นๆ ด้วย

จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา หรือ ซีดีซี (CDC) ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อได้พยายามศึกษาข้อมูลของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ โดยเรียกชื่อว่า SARS-CoV-2 VUI 202012/01 ซึ่งยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่าเชื้อไวรัสชนิดใหม่นี้จะทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการหนักกว่าเดิมหรือมีโอกาสเสียชีวิตมากขึ้น รวมถึงการกลายพันธุ์นี้ส่งผลให้อัตราการเกิดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่มจาก 1.1 เป็น 1.5 เท่า นี่จึงเป็นประเด็นที่ต้องศึกษาถึงสาเหตุที่ทำให้เชื้อโควิดกลายพันธุ์นี้ขยายตัวในพื้นที่ประเทศอังกฤษได้ภายในระยะเวลาไม่นาน

นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด 19) ที่เมืองอู่ฮั่นประเทศจีน โลกก็ต้องเผชิญกับเชื้อไวรัสโควิด 19 กลายพันธุ์หลายสายพันธุ์ด้วยกัน โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ไวรัสได้ปรับตัวเข้ากับมนุษย์ที่มันอาศัยอยู่จนกลายพันธุ์ไปอีกหลายสายพันธุ์ จากการวิเคราะห์จีโนมของไวรัสโควิด 19 ตัวอย่างกว่า 185,000 ตัวอย่าง ที่ได้จากโครงการแบ่งปันข้อมูลไข้หวัดใหญ่โลก (จีไอเอสเอไอดี) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ชี้ให้เห็นว่าไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอดเวลา และกลายพันธุ์ออกเป็น 8 สายพันธุ์ จากสายพันธุ์ L ที่เป็นสายพันธุ์ต้นกำเนิดพบครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน เมื่อเดือน ธันวาคม 2562 เป็นต้นมา

1. สายพันธุ์ S เมื่อต้นปี 2563

2. สายพันธุ์ V

3. สายพันธุ์

4. สายพันธุ์ GR (กลายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ G)

5. สายพันธุ์ GH (กลายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ G)

6. สายพันธุ์ GV (กลายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ GV)

7. สายพันธุ์ O (พวกที่กลายพันธุ์ไม่บ่อยรวมกัน)

8. สายพันธุ์ B (หรือ SARS-CoV-2 VUI 202012/01 ต้นกำเนิดกลายพันธุ์จากประเทศอังกฤษ)

การแพร่ระบาดของไวรัสในครั้งแรกทั่วโลกนั้น ทำให้เกิดการกระจายตัวของไวรัสอย่างรวดเร็ว และเริ่มน้อยลงเมื่อมีการปิดประเทศ ทำให้เกิดการผสมผสานสายพันธุ์ขึ้นใหม่ตามสภาพแวดล้อมของแต่ละประเทศ โดยภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม คือสายพันธุ์ L ส่วนไวรัสสายพันธุ์ G นั้นมีการพัฒนาให้มีความทนทานแข็งแรงมากขึ้นจนกลายเป็นสายพันธุ์หลัก และแพร่ระบาดหนักในอเมริกาเหนือและยุโรป จนเกิดการกระจายพันธุ์และกลายพันธุ์ของสายพันธุ์ G อย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้ติดต่อในรูปแบบเดียวเสมอไป ปัจจุบันไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ G จึงแพร่กระจายไปในวงกว้างทั่วโลก โดยเฉพาะ D614G นั้นพบมากที่สุด ทำให้คนเจ็บป่วยล้มตายมากที่สุดในโลก ในทุกระลอกของการแพร่ระบาดจึงมักพบตัวอย่างสายพันธุ์ G มากขึ้น

ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้การพบเชื้อไวรัสโควิด 19 กลายพันธุ์ชนิด B.1.1.7 ในประเทศอังกฤษ นั้นได้สร้างความวิตกกังวลใจให้กับหลายประเทศทั่วโลก เพราะเชื้อไวรัสชนิดนี้กลายพันธุ์ถึง 17 ตำแหน่ง ทั้งที่ในรอบ 11 เดือนที่ผ่านมาพบว่า ไวรัสจะกลายพันธุ์เดือนละประมาณ 1-2 ตำแหน่งเท่านั้น โดยหนึ่งในจุดที่พบการกลายพันธุ์คือ โปรตีนส่วนหนามของไวรัส ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโนที่อยู่บนโปรตีนผิวไวรัส และเป็นการกลายพันธุ์ตามกลไกการเอาตัวรอดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ที่จะทำให้เชื้อไวรัสจับกับเซลล์ของมนุษย์ได้ดีขึ้น 

ดังนั้นการที่ไวรัสชนิดใหม่นี้กลายพันธุ์สูงถึง 17 ตำแหน่งนั้น สามารถสันนิษฐานได้ว่าไวรัสต้องการพัฒนาตัวเอง เพื่อให้อยู่รอดในการยึดเกาะอยู่ในเซลล์ร่างกายของมนุษย์ได้ดีขึ้น โดยที่รูปร่างหน้าตายังคงเดิมและมีการคาดการณ์ว่า วัคซีนที่พัฒนาได้จะยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัดดังเดิม 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.bbc.com/thai/features

https://www.bbc.com/thai/international

https://www.voathai.com/

https://mgronline.com/

https://news.thaipbs.or.th/  


รู้หรือไม่? ใส่แมสก์เพียงแค่ลดเสี่ยง แต่สร้างภูมิต้านทานได้ด้วย

3 วิธีทำงานยุคหลัง COVID-19 เพราะอนาคตนั้นไม่แน่นอน


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

เปรียบเทียบ IG Algorithm แบบเก่า vs ใหม่

เปรียบเทียบ IG Algorithm แบบเก่า vs ใหม่

รู้หรือไม่? Instagram Algorithm มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ! Bangkok Bank SME สรุปมาให้แล้วว่า IG Algorithm แบบเก่ากับแบบใหม่ต่างกันอย่างไร…
pin
50 | 13/03/2025
30+ เครื่องมือ AI สำหรับธุรกิจในปี 2025

30+ เครื่องมือ AI สำหรับธุรกิจในปี 2025

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Generative AI ได้กลายมาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญสำหรับการทำธุรกิจในวันนี้.โดยผลสำรวจของ Gartner พบว่า 42% ในปี 2025 มากกว่า 60%…
pin
64 | 27/02/2025
ตรุษจีนยุคใหม่ไร้ Foodwaste เคลียร์ของไหว้เป็นเมนูเด็ด แถมลดโลดร้อน

ตรุษจีนยุคใหม่ไร้ Foodwaste เคลียร์ของไหว้เป็นเมนูเด็ด แถมลดโลดร้อน

ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นประเด็นที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะยิ่งนับวัน การคืบคลานเข้ามาของสภาวะโลกร้อนที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อหลายภาคส่วน…
pin
1281 | 07/02/2024
เรื่องน่ารู้ของการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด