ภายใต้การจัดตั้งองค์กรด้านการสนับสนุนและพัฒนาสตาร์ทอัพ
หรือ Business Startup Support Center (BSSC) ซึ่งเป็นหน่วยงานสังกัดพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
ภายใต้สหพันธ์เยาวชนแห่งชาติ มีหน้าที่สนับสนุนด้านความรู้ ให้คำปรึกษา
และช่วยเหลือเงินทุนในการขยายธุรกิจสตาร์อัพให้เติบโตและมีศักยภาพในการแข่งขันทั้งในเวียดนามและในภูมิภาคอาเซียน
ซึ่งในปี 2561 BSSC มีเครือข่ายในประเทศเวียดนามแล้วมากกว่า
1,000 องค์กร ทั้งที่เป็นหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย และหน่วยงานลงทุน
โดยในทุกปี BSSC จะจัดงาน
Vietnam Startup Wheel งานประกวดสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม
ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำตั้งแต่ปี 2556
จนถึงปัจจุบันมีผู้ประกอบการและธุรกิจสตาร์ทอัพราว 4,000 บริษัท และประชาชนกว่า
90,000 คน ให้ความสนใจและเข้าร่วม
ทั้งนี้งานดังกล่าวสร้างมูลค่าสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพกว่า 20
ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ธนาคารแห่งชาติเวียดนามยังได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนฟินเทคเพื่อให้การสนับสนุนรัฐบาลในการสร้างและพัฒนาระบบนิเวศน์ของฟินเทคในประเทศ โดยภาพรวมพบว่ารัฐบาลเวียดนามให้การสนับสนุนระบบนิเวศน์ของฟินเทคสตาร์ทอัพในแบบ Top Down ผ่านการออกนโยบายและโครงการสนับสนุนต่าง ๆ ซึ่งเน้นการดำเนินงานในลักษณะ Micro Long Term การปรับมาตรการต่าง ๆ เพื่อดึงดูดบุคลากรสายเทคโนโลยีดิจิตอล (Tech Talent) ชาวเวียดนามที่อยู่ในต่างประเทศให้หันมาเป็นผู้ประกอบการภายในประเทศมากขึ้น การสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและย่อม รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในระดับเมือง อาทิ โครงการ Saigon Silicon Valley ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำให้ธุรกิจฟินเทคสตาร์ทอัพในเวียดนามมีตลาดที่ชัดเจน เฟื่องฟูและมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
ความท้าทายของธุรกิจ FinTech
ในเวียดนาม
จากข้อมูลและแนวโน้มต่าง ๆ
ชี้ชัดว่าฟินเทคสตาร์ทอัพในเวียดนามกำลังเติบโตและขยายตัวอย่างมาก
ตลอดจนมีศักยภาพที่จะสามารถขยายสู่ระดับภูมิภาคได้ในอนาคต
อย่างไรก็ดีการดำเนินธุรกิจดังกล่าวยังมีความท้าทาย โดยสรุปได้ดังนี้
1.ภาวะขาดแคลนการระดมทุน ทำให้สตาร์ทอัพขนาดกลางและเล็กบางรายไม่สามารถดำเนินกิจการหรือพัฒนาเทคโนโลยีต่อไปได้
2.ความปลอดภัยในการดำเนินธุรกรรมทางการเงิน
ภัยคุกคามทางไซเบอร์ และการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือของธุรกิจ
3.กระบวนการขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจด้านฟินเทคยังคงมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน
4.รัฐบาลยังขาดหน่วยงานสนับสนุนกลุ่มธุรกิจฟินเทคสตาร์ทอัพอย่างจริงจัง
รวมทั้งขาดแคลนบุคลากรที่มีความเข้าใจในระบบนิเวศน์ของธุรกิจดังกล่าว
5.กรอบกฎหมายและแนวทางปฏิบัติของเวียดนามในปัจจุบันยังไม่ชัดเจนและไม่ครอบคลุมการพัฒนาและการเข้าถึงผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่ๆ
โดยในประเด็นนี้ มีนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้เสนอให้มีการจัดตั้งกรอบ Regulatory Sandbox เพื่อให้บริษัทและสตาร์ทอัพด้านฟินเทคได้ใช้ทดสอบและพัฒนานวัตกรรม
ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งกรอบดังกล่าวยังจะช่วยให้รัฐบาลสามารถติดตามและกำกับดูแลเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่และสามารถพัฒนารูปแบบการกำกับดูแลของภาครัฐในอุตสาหกรรมดังกล่าวได้อีกด้วย
6.ความร่วมมืออย่างจริงจังจากภาคธนาคาร
หลายภาคส่วนยังคงแสดงความกังวลต่อการเติบโตของบริษัทฟินเทค โดยให้ความเห็นว่าการเพิ่มขึ้นของธุรกิจดังกล่าวอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อภาคธนาคาร
การสำรวจล่าสุดของ Vietnam Report เปิดเผยว่าทั้งธนาคารท้องถิ่นและบริษัทฟินเทคแสดงความพร้อมและยินดีที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมตลาดการชำระเงินแบบไร้เงินสดของเวียดนาม เนื่องจาก สถิติการทำธุรกรรมการเงินภายในประเทศผ่านบัตรธนาคารในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 พบว่ามีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 ในขณะที่การชำระเงินออนไลน์โตขึ้นกว่าร้อยละ 66
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชำระเงินบนมือถือซึ่งขยายตัวสูงถึงร้อยละ
97.7 โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 232 ตัวเลขดังกล่าวเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าธนาคารไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปรับตัว
หากแต่ต้องจับมือกับผู้ประกอบธุรกิจฟินเทคในการพัฒนาและส่งเสริมสังคมไร้เงินสดอย่างจริงจัง
แนวทางการดำเนินธุรกิจ FinTech ในเวียดนาม
จากศักยภาพด้านธุรกิจฟินเทคสตาร์ทอัพในเวียดนามนับเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการลงทุนและขยายธุรกิจมายังเวียดนาม
โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจการชำระเงินดิจิทัล การซื้อของออนไลน์ การท่องเที่ยว
เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจการเงินส่วนบุคคลและนิติบุคคล
ตลอดจนด้านเทคโนโลยีการเกษตร ซึ่งยังมีความเป็นไปได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็น
1.โอกาสสำหรับVenture
Capital (VC) จากไทยในการเข้ามาร่วมลงทุนในตลาดฟินเทคสตาร์ทอัพเวียดนาม
2.โอกาสสำหรับฟินเทคสตาร์ทอัพไทยในการขยายตลาดเข้ามาในเวียดนาม
3.โอกาสของฟินเทคสตาร์ทอัพของไทยในการมาหา Venture Capital (VC) ที่ประเทศเวียดนามซึ่งมีจำนวนและเงินทุนสนับสนุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ตามอัตราการขยายตัว
4.โอกาสของบริษัทเอกชนไทยทั้งขนาดกลางและใหญ่ในการจ้างแรงงานฝีมือ
โดยเฉพาะบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้าน IT ของเวียดนาม
เนื่องจากปัจจุบัน
เวียดนามมุ่งเน้นส่งเสริมการสร้างบุคลากรกลุ่มอาชีพดังกล่าวจำนวนมาก
ทำให้ตลาดแรงงานด้าน IT ของประเทศขยายตัวและเติบโตมากขึ้น
5.โอกาสของแรงงานไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล โดยเฉพาะในสาขาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเวียดนามมีอัตราตำแหน่งงานว่างในสาขาดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของธุรกิจ
สำหรับผู้ที่จะเข้าตลาดฟินเทคสตาร์ทอัพเวียดนามจำเป็นต้องศึกษาบริบทของประเทศ เพื่อให้เข้าใจวัฒนธรรม สังคม และระบบการปกครอง เพื่อให้การทำงานกับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น ทั้งทำความเข้าใจกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงข้อห้ามและการสนับสนุนต่าง ๆ ที่มีโอกาสได้รับระหว่างดำเนินกิจการ และทำความเข้าใจการบริหารแรงงานชาวเวียดนาม ซึ่งมีทัศนคติ พฤติกรรม และรูปแบบการทำงานที่อาจแตกต่างจากแรงงานไทยและที่สำคัญการเข้าใจรูปแบบการดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม กล่าวคือในการเข้าถึงทรัพยากรใด ๆ ในประเทศนั้น จำเป็นต้องผ่านการรับรองจากรัฐบาลเวียดนามซึ่งเป็นผู้ดูแลทรัพยากรทั้งหมดของประเทศเสมอ
อ้างอิง : ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์