ข้อกำหนดกฎหมายการลงทุนแฟรนไชส์ในเวียดนาม

SME Go Inter
22/09/2020
รับชมแล้วทั้งหมด 4644 คน
ข้อกำหนดกฎหมายการลงทุนแฟรนไชส์ในเวียดนาม
banner

ตลาดแฟรนไชส์ในเวียดนามยังคงเป็นที่น่าศึกษา ติดตามเพื่อขยายฐานการลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจสินค้าบริการอาหารและเครื่องดื่มแบบแฟรนไชส์ที่ไปได้ดีและโตแรงในขณะนี้ แบรนด์แฟรนไชส์จากต่างประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไทย ญี่ปุ่น ฮ่องกง แคนาดา และฟิลิปปินส์ ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคชาวเวียดนามว่ามีความน่าเชื่อถือ มีคุณภาพและภาพลักษณ์ดี ทำให้ผู้บริโภคชาวเวียดนามหันมานิยมใช้ผลิตภัณฑ์และบริการจากแบรนด์ต่างประเทศดังกล่าวอย่างรวดเร็ว และช่วยดันตลาดแฟรนไชส์ให้เติบโต

รูปแบบการนำแฟรนไชส์จากต่างประเทศมาเปิดดำเนินการในเวียดนามมีรูปแบบ ที่หลากหลายทั้งแบบสัญญา แฟรนไชส์โดยตรง (Direct franchising) ที่มีการพัฒนาให้สิทธิ์ในการเปิดกิจการได้มากกว่าหนึ่งแห่ง ตัวอย่างเช่น รูปแบบแฟรนไชส์ที่มีการให้สิทธิ์ในการเปิดดำเนินธุรกิจได้หลายสาขา (multi-unit) หรือการให้สิทธิ์แบบ Development agreements รวมทั้งแบบสัญญาแฟรนไชส์หลัก (Master franchise agreements) ซึ่งตามปกติแล้วการขายสิทธิ์แฟรนไชส์ เจ้าของสิทธิ์ (Franchisor) มักจะต้องการหา Franchisee ที่สามารถขยายธุรกิจในพื้นที่ให้เติบโตได้ ดังนั้นการขายสิทธิแฟรนไชส์แบบมีสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจได้เพียง 1 แห่ง (singleunitfranchising) จึงไม่เป็นที่นิยมในเวียดนาม

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

ดังนั้นการเข้าไปเล่นตลาดแฟรนไชส์ในเวียดนาม จะต้องดำเนินกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค และกฎระเบียบข้อบังคับของกฎหมายการลงทุนแฟรนไชส์ในเวียดนาม เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

1. ควรทำการสำรวจตลาดก่อนที่จะมีการตั้งราคาของผลิตภัณฑ์และค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์

2. เลือกผลิตภัณฑ์/บริการที่มีศักยภาพหรือเป็นที่นิยม แม้ว่าธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะยังคงเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

3. เน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีการเติบโตสูง

4. เข้าร่วมงานแสดงสินค้าหรือเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ สร้างความรับรู้และจดจำสินค้าแก่ผู้บริโภค อย่างน้อย 3 ปีติดต่อกัน จะทำให้คู่ค้าเกิดความคุ้นเคยต่อแบรนด์สินค้า

5. เลือกทำเลที่เหมาะสมและราคาไม่แพง ในเมืองที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น นครโฮจิมินห์ และกรุงฮานอย ที่ยังมีทำเลให้เลือกมาก

6. ปรับกลยุทธ์ให้เข้าถึงตลาดที่มีวัฒนธรรมแตกต่าง ด้วยการศึกษาวัฒนธรรม นิสัยและรสนิยมของคนในท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จของธุรกิจ

ภายใต้ข้อกำหนดการลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ของเวียดนาม ที่ใช้ Decree No. 35/2006/ND-CP (ซึ่งถูกแก้ไขด้วย Decree 120/2011/ND-CP ในเดือนมกราคมปี 2016 and Decree No. 8/2018/ND-CP ในเดือนมกราคม 2018) เป็นกรอบแนวทางสำหรับการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ ภายใต้กฎระเบียบดังกล่าว อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถทำธุรกิจแฟรนไชส์ได้ทั้งแบบเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ (Franchisor) และแบบผู้รับสิทธิดำเนินธุรกิจ (Franchisee) ในเวียดนาม โดยมีข้อกำหนดว่าเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ต่างชาติจำเป็นต้องดำเนินการหรือทำธุรกิจอย่างน้อยหนึ่งปี ก่อนที่จะเปิดธุรกิจแฟรนไชส์ในเวียดนาม

 

การขึ้นทะเบียนประกอบธุรกิจแฟรนไชส์กับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม

ผู้ประกอบการสามารถเปิดแบรนด์แฟรนไชส์โดยไม่ต้องจดทะเบียนบริษัทในประเทศเวียดนาม (บริษัทจดทะเบียนธุรกิจในต่างประเทศ) แต่จะต้องขึ้นทะเบียนประกอบธุรกิจแฟรนไชส์กับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม มิฉะนั้นต้องเสียค่าปรับในอัตรา 220–440 ดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้จะเป็นจำนวนที่ไม่มาก แต่บริษัทมีความเสี่ยงที่อาจจะต้องถูกเรียกคืนกำไรที่ได้รับจากการดำเนินกิจการทั้งหมดในบางกรณี ทั้งนี้หากเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์เป็นชาวเวียดนาม ได้รับยกเว้นไม่ต้องขึ้นทะเบียนกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม

1. เอกสารประกอบการขึ้นทะเบียนประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ ประกอบไปด้วย สำเนาเอกสารแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์ (The Franchise Introduction Statement) และข้อตกลงของแฟรนไชส์ รวมไปถึงใบสมัครและเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น เอกสารการขึ้นทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา โดยที่เอกสารเหล่านี้ต้องแปลเป็นภาษาเวียดนาม

2. ข้อตกลงแฟรนไชส์ในเวียดนาม กฎหมายของประเทศเวียดนามไม่ได้บังคับให้มีข้อกำหนดเพิ่มเติมใดๆ ในข้อตกลงธุรกิจแฟรนไชส์ ผู้เป็นเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์และผู้รับสิทธิ์ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ มีอิสระที่จะเจรจาข้อกำหนดและเงื่อนไขของข้อตกลงแฟรนไชส์ โดยที่ข้อตกลงแฟรนไชส์จะต้องเขียนเป็นภาษาเวียดนาม และมีผลบังคับใช้แม้จะเลือกพิจารณาตัดสินข้อพิพาทด้วยอำนาจศาลต่างประเทศ

3. ภาษีธุรกิจแฟรนไชส์ในเวียดนาม ถึงแม้ว่าเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ต่างชาติจะไม่ได้จดทะเบียนธุรกิจในเวียดนาม แต่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้รับสิทธิดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ในเวียดนาม และถือเป็นการทำสัญญาระหว่างบริษัทเวียดนามกับบริษัทต่างชาติ จึงจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับค่าธรรมเนียมใดๆ ที่เรียกเก็บจากผู้รับสิทธิดำเนินกิจการ ซึ่งประกอบด้วย

- ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Franchise fees)

- ค่าธรรมเนียมต่ออายุ (Royalties)

- ค่าธรรมเนียมการบริหาร (Administrative fees)

- ค่าโฆษณา (Advertising fees)

- ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management fees)

โดยเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ชาวต่างชาติในเวียดนามต้องเสียภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับการให้บริการในเวียดนามดังต่อไปนี้

- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) : 5%

- ภาษีเงินได้นิติบุคคล (CIT) : 5%

ขณะเดียวกัน เจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ในประเทศจะต้องเสียภาษีในอัตราภาษี ดังนี้

- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) : 10%

- ภาษีเงินได้นิติบุคคล (CIT) : 20%

4. การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในเวียดนาม การเข้ามาลงทุนธุรกิจในเวียดนาม เจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ควรจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า รวมถึงการจด URL และเว็บไซต์กับสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติเวียดนาม (the National Office of Intellectual Property of Vietnam) เพื่อป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

5. การเป็นผู้รับสิทธิดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ต่างประเทศในเวียดนาม นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นผู้รับสิทธิ์ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ได้ เมื่อมีการจัดตั้งนิติบุคคลในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม สามารถเปิดธุรกิจเฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการโดยชาวต่างชาติตามที่เวียดนามได้ผูกพันไว้กับองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ตัวอย่างเช่น หากต้องการเปิดกิจการโรงแรมและให้บริการด้านการท่องเที่ยวก็จำเป็นต้องจัดตั้งแบบ Joint venture กับบริษัทด้านการท่องเที่ยวท้องถิ่นของเวียดนามที่มีใบอนุญาตประกอบการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ (International Tourism License) เท่านั้น ในขณะที่การเปิดร้านอาหารหรือร้านค้าปลีกในเวียดนามนักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของคนเดียวได้

6. การจัดตั้งธุรกิจค้าปลีกในเวียดนาม โดยส่วนใหญ่ไม่มีการกำหนดเงินทุนขั้นต่ำสำหรับการดำเนินการธุรกิจในเวียดนาม จากรายงานของ International Grocery Research Organization (IGD) คาดการณ์ว่า ภายในปี 2564 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อของเวียดนามจะเติบโตร้อยละ 37.4 ทำให้เวียดนามเป็นตลาดร้านสะดวกซื้อที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกในประเทศเวียดนามเปิดกว้างสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ นักลงทุนต่างชาติจึงสามารถสร้างธุรกิจค้าปลีกได้โดยไม่ต้องมีหุ้นส่วนจากคนในท้องถิ่น

ทั้งนี้ ธุรกิจแฟรนไชส์แบรนด์ใหม่ยังมีโอกาสในตลาดเวียดนาม ภายใต้ความท้าทายที่ต้องคำนึงถึงหลายด้านในการเข้าไปดำเนินการ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากผู้ประกอบการในเวียดนามมักจะกังวลเกี่ยวกับแนววิธีการประกอบธุรกิจแบบใหม่ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง และมีความลังเลที่จะลงทุนในแบรนด์ใหม่ที่ไม่มีชื่อเสียง และมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม ทำให้จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การเจาะตลาดธุรกิจ ให้เข้ากับวัฒนธรรม อุปนิสัย และรสนิยมของท้องถิ่น เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จของธุรกิจให้ง่ายขึ้น

สำหรับคำแนะนำในการเข้าไปดำเนินธุรกิจในเวียดนามของผู้ประกอบการไทยนั้นมี 3 รูปแบบดังนี้

1. ลงทุนร่วมกับผู้ซื้อแฟรนไชส์ชาวเวียดนามโดยเป็นการลงทุนลักษณะ Offshore ซึ่งเป็นวิธีที่ประหยัดต้นทุนในการจัดตั้งธุรกิจในเวียดนาม ที่จะทำให้สามารถควบคุมการดำเนินงานของแฟรนไชส์ในท้องถิ่นได้ง่ายขึ้น เพราะไม่แล้วจะเกิดอุปสรรคในการสื่อสารและมีต้นทุนการขนส่งระหว่างต่างประเทศสูง

2. การจัดตั้งกิจการในแบบบริษัทต่างชาติ (Foreign-own company) ซึ่งสามารถถือหุ้นได้ร้อยละ 100 โดยการเปิดเป็นสานักงานสาขาหรือบริษัทร่วมทุน (Joint venture enterprise) นั้นมีประสิทธิภาพการควบคุมคุณภาพโดยตรงผ่านเครือข่ายแฟรนไชส์ท้องถิ่น

3. การควบรวมและการซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions (M&A) ประหยัดต้นทุนในการจัดตั้งกิจการและสร้างแบรนด์ใหม่ในเวียดนาม สามารถซื้อหรือควบรวมกิจการกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในประเทศ และมีส่วนแบ่งการตลาดสูง มีขั้นตอนเกี่ยวกับกฎระเบียบในพิจารณาอนุมัติการควบรวมและการซื้อกิจการที่ซับซ้อน ใช้เวลานาน ทำให้เกิดความล่าช้าและต้นทุนในขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์

4. เลือกพันธมิตรหรือคู่ค้าที่เหมาะสม โดยบริษัทท้องถิ่นหลายแห่งอาจไม่มีความเข้าใจอย่างแท้จริงในแบรนด์สินค้า รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแฟรนไชส์ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการหาพันธมิตรหรือคู่ค้าที่มีศักยภาพ นอกจากนี้การทำความเข้าใจระหว่างกัน เกี่ยวกับแบรนด์สินค้าและความคาดหวังของแบรนด์ในตลาดท้องถิ่นให้ชัดเจน มีความสำคัญในการทำให้แบรนด์ให้ประสบความสำเร็จในตลาด

นอกจากนี้นักลงทุนชาวเวียดนามยังคงมีความลังเลที่จะลงทุนในแบรนด์ใหม่ๆ ที่ต้องการเงินลงทุนสูงและยังไม่มีข้อมูลผลประกอบการในภูมิภาคมาก่อน ดังนั้นจึงควรใช้บริการบริษัทที่ปรึกษากฎหมายในการจัดทำสัญญาแฟรนไชส์และจดทะเบียนธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อให้มีความรัดกุมและเป็นไปตามกฎหมายของเวียดนามกำหนด.

 

แหล่งอ้างอิง : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ศูนย์สนับสนุนธุรกิจใน AEC.ธุรกิจแฟรนไชส์ในเวียดนาม.2562 


สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<< 


ส่องเทรนด์ธุรกิจร้านคาเฟ่ในกัมพูชา

คำแนะนำสำหรับธุรกิจแฟรนไชส์หลังปลดล็อกดาวน์โควิด-19


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ตลาดอาหารวีแกน เทรนด์โลก โตแรง! โอกาสทองของผู้ส่งออกไทย ที่ต้องรีบคว้า

ตลาดอาหารวีแกน เทรนด์โลก โตแรง! โอกาสทองของผู้ส่งออกไทย ที่ต้องรีบคว้า

เทรนด์การรับประทานอาหารแบบเนื้อไร้เนื้อ ยังคงเป็นแนวโน้มการบริโภคที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  จากกระแสการหันมาดูแลสุขภาพ…
pin
6348 | 17/01/2023
ไทย หนึ่งในเป้าหมาย! จีนเล็งลงทุนเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ผู้ประกอบการ SME ปรับตัวไวได้ประโยชน์มหาศาล

ไทย หนึ่งในเป้าหมาย! จีนเล็งลงทุนเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ผู้ประกอบการ SME ปรับตัวไวได้ประโยชน์มหาศาล

ขณะนี้ โลกของเราได้เข้าสู่ยุคระบบเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy : DE) ซึ่งหลอมรวมเทคโนโลยีดิจิทัลให้เข้ากับวิถีชีวิตของผู้คน ส่งผลให้เศรษฐกิจดิจิทัลได้กลายเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทย…
pin
2036 | 21/12/2022
โอกาสมาแล้ว! ดีมานด์มันสำปะหลังจีนโตแรง เกษตรกรไทยลุยรุกส่งออกแดนมังกร ชิงส่วนแบ่งตลาดก้อนยักษ์

โอกาสมาแล้ว! ดีมานด์มันสำปะหลังจีนโตแรง เกษตรกรไทยลุยรุกส่งออกแดนมังกร ชิงส่วนแบ่งตลาดก้อนยักษ์

อีกหนึ่งโอกาสเกษตรกรไทย! คาดการณ์ความต้องการมันสำปะหลังช่วง 6 เดือนหลังของปี 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดทั้งปีไทยส่งออกกว่า 11 ล้านตัน…
pin
5087 | 23/10/2022
ข้อกำหนดกฎหมายการลงทุนแฟรนไชส์ในเวียดนาม