‘อาหารกินเล่น’ เจาะเทรนด์เน้นสินค้าสุขภาพ

ปัจจุบันสินค้าแปรรูปประเภทของกินเล่นที่ผลิตจากผลไม้ผ่านพาสเจอร์ไรส์ ยังคงครองความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการและเกษตรกรไทย ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งผลิตผลไม้นานาชนิดรายใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก สอดคล้องกับผลการวิจัยของ Global Market Insights Inc. บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านวิจัยและที่ปรึกษาด้านการตลาดในสหรัฐอเมริกา ระบุว่า

นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิดปลายปี 2019 กลายเป็นตัวเร่งตลาดสินค้าของอาหารกินเล่นทำด้วยผลไม้ (Fruit Snacks) ในตลาดภูมิภาคอเมริกาเหนือและจีนเติบโตขึ้นก้าวกระโดด เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากผู้บริโภคกักตัวอยู่ในบ้านตามมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิดทั่วโลก โดยประเมินว่าปี 2026 มูลค่าทางการตลาดอาหารกินเล่นทำจากผลไม้ในตลาดอเมริกาเหนือ จะพุ่งทะยานสูงขึ้นถึง 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนตลาดจีนมูลค่าจะเพิ่มมากกว่า 10 ล้านล้านหยวน

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

กลุ่มสินค้าผลไม้แปรรูปที่ผู้บริโภคนิยมมากที่สุด ส่วนใหญ่จะเน้นของกินเล่นเพื่อสุขภาพที่ผลิตจากผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงให้แคลอรีต่ำ มีปริมาณน้ำตาลน้อย เนื่องจากช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ความดัน และโรคหัวใจ โดยผลิตภัณฑ์ของกินเล่นที่ผลิตจากผลไม้ที่วางจำหน่ายในตลาดอเมริกาเหนือ มีกันหลากหลายรูปแบบ แยกออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่

กลุ่มแรก สินค้าชนิดดัดแปลง เปลี่ยนโฉม เช่น ผลไม้ที่นำไปแปรรูปเป็นเกลียว, ผลไม้ที่นำไปแปรรูปเป็นแผ่น, ผลไม้ที่แปรรูปเป็นเจลลี่, ผลไม้แปรรูปเป็นชิ้น, ผลไม้รูปร่างต่างๆ, แซนด์วิชผลไม้, ผลไม้ให้พลังงาน, ผลไม้อบแห้ง

กลุ่มที่สอง เป็นสินค้ากลุ่มของทานเล่นชนิดคงรูปแบบตระกูลผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล, มะม่วง, กล้วย, แพร์, สับปะรด ,เบอร์รี, สตรอว์เบอร์รี ,บลูเบอร์รี, ราสเบอร์รี ,สับปะรด และมะม่วง เป็นต้น

ลูกค้าหลักกลุ่มผู้บริโภคมิลเลนเนียล

พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ตามภาวะวิถีชีวิตที่ต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยเร่งรีบ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคมิลเลนเนียลที่เป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก การรับประทานอาหารที่มุ่งเน้นเรื่องสุขภาพเป็นที่ตั้ง ทำให้คนรุ่นนี้มักเลี่ยงอาหารมื้อหลัก โดยหันมาทานของกินเล่นที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแทน

โดยปี 2018 สหรัฐอเมริกานำเข้าสินค้าชนิดดัดแปลง เปลี่ยนโฉม และสินค้ากลุ่มทานเล่นชนิดคงรูปแบบตระกูลผลไม้จากทั่วโลกคิดมูลค่า 2,075.08 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาเป็น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ บราซิล อินเดีย ฯลฯ โดยสหรัฐฯนำเข้าจากไทยมูลค่า 36.81 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 11.85% สินค้าสำคัญของไทย ได้แก่ สับปะรดอบแห้ง มะละกอตากแห้ง มะพร้าวเกล็ด มะม่วงตากแห้ง ฝรั่งตากแห้ง มะขามแห้ง เป็นต้น

จีนฮิตกินขนมกินเล่นทำจากผลไม้ไทย

อาหารว่างและขนมกินเล่นที่ทำจากผลไม้ไทยที่ผู้บริโภคชาวจีนที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ จากการเก็บข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ระบุว่า ต้องเป็นแบรนด์สินค้าที่ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ดูดี เน้นภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค้า และเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เน้นความเป็นธรรมชาติ ทำจากธัญพืช ไม่มีน้ำตาล

โดยกลุ่มผู้บริโภคหลัก คือคนวัยหนุ่มสาวที่อายุตั้งแต่ 20-30 ปี ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้หันมาใส่ใจด้านสุขภาพมากขึ้น เห็นได้จากพฤติกรรมของผู้บริโภคเหล่านี้ คือ กระติกน้ำเก็บความร้อนที่นิยมใส่พืชสมุนไพรจีนโกจิเบอร์รี่ (เม็ดเก๋ากี้) ผสมเข้ากับน้ำดื่ม รวมถึงผักและผลไม้อบแห้ง ถั่วนัทต่างๆ ที่มียอดจำหน่ายสูงขึ้น โดยสถิติที่ยืนยันว่าอุตสาหกรรมอาหารว่างในจีนมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยในปี 2549 มีมูลค่า 424,036 ล้านหยวน เพิ่มเป็น 2,215,640 ล้านหยวนในปี 2559 เพิ่มขึ้น 422.51% ในปี 2563 มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็น 3 ล้านล้านหยวน และในปี 2564-2565 มูลค่าจะทะยานถึง 5-6 ล้านล้านหยวน สำหรับสินค้าประเภทอาหารว่างที่มีมูลค่าการผลิตสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ผัก ผลไม้ และถั่วแปรรูป

แต่ภูมิภาคจีนฮิตกินอาหารว่างแตกต่างกัน

การบริโภคอาหารว่างและของกินจากผลไม้ของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว สาธารณรัฐประชาชนจีน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ยังเปิดเผยข้อมูลระบุว่า ในแต่ละภูมิภาคในจีน จะนิยมอาหารว่างแตกต่างกัน เช่น เขตปกครองตนเองมองโกเลีย เน้นอาหารว่างประเภทเนื้ออบแห้งและนมอัดเม็ด, ฝูเจี้ยนและกวางตุ้ง เน้นอาหารว่างประเภทขนมหวาน พายข้าวพอง และผลิตภัณฑ์ประมง, หูหนานและหูเป่ย เน้นอาหารว่างรสชาติเผ็ด และเขตปกครองตนเองซินเจียง อุยกูร์ เน้นอาหารว่างประเภทผลไม้ เป็นต้น ซึ่งการวางแผนเจาะเข้าสู่ตลาดจีนแต่ละมณฑล ควรคำนึงถึงความต้องการและความนิยมบริโภค จะทำให้สินค้าไทยมีโอกาสเจาะตลาดได้มากขึ้น

ดัน 13 แบรนด์ไทยส่งออกเจาะตลาดโลก

ทุกวันนี้สินค้าแปรรูปจากผลไม้ไทยที่ขึ้นชื่อและได้รับการรับรองจากสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม ให้กับผู้ประกอบการ 11 ราย รวม 13 ผลิตภัณฑ์ ส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ ประกอบด้วย ทุเรียนหมอนทองอบกรอบตราแม่ลี้, ทุเรียนทอดตราป้าแกลบ, ทุเรียนกวน ทุเรียนสุกกรอบตราจ๊าบ, ทุเรียนฟรีซดรายตรา Fruitural, กล้วยหอมทองอบกรอบ, ทุเรียนอบกรอบ, ขนุนทองประเสริฐอบกรอบตราฟรุ๊ตคิง, ทุเรียนอบกรอบ ขนุนอบกรอบตรา KTV, ทุเรียนอบกรอบฟรีซดราย ตราบีฟรุ๊ต, น้ำสำรองผสมดอกคำฝอย ตราต้นตำรับ, น้ำมังคุดสูตร Extra สูตร Balance ตรา Xanberry, น้ำมังคุดสูตร 33% ตราไทยสโนว์ และเนื้อลูกสำรองชนิดแห้งพร้อมชงดื่ม ตรา J House

วิกฤติโรคโควิดครั้งนี้มาพร้อมกับโอกาสสำหรับผู้ผลิต ผู้แปรรูป ผู้ส่งออก และเกษตรกร เพราะไทยเป็นประเทศผู้ผลิตผลไม้เมืองร้อนรายใหญ่ที่สำคัญของโลก ซึ่งตลาดโลกพร้อมอ้าแขนรับผลิตภัณฑ์สินค้าจากประเทศไทย แต่ผู้ผลิตและผู้ส่งออกต้องวางแผนเจาะตลาดให้ชัดเจน เน้นผลิตสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น เพื่อสุขภาพ เจาะคนรุ่นใหม่และวัยรุ่น ถือว่ากำลังเป็นตลาดใหญ่ของกลุ่มผู้บริโภคทั่วโลก

สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<