ข้อดีของคน Gen x หรือคนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2508-2522 คือเป็นคนที่มีความใส่ใจห่วงใยผู้คนและสังคมคนรอบข้าง เมื่อจะทำอะไรก็จะมีการตระหนักคิดวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียก่อนลงมือทำอยู่เสมอ เพราะได้รับอิทธิพลแนวความคิดมาจากคน Gen B จึงทำให้มีจริยธรรมในการทำงานหรือประกอบธุรกิจค่อนข้างสูง และมีความยึดมั่นในความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาต่อการดำเนินชีวิตและผู้คน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
นอกจากนี้ยังมีใจเปิดกว้างพร้อมรับฟังผู้อื่น ซึ่งเป็นคุณสมบัติด้านอุปนิสัยอันโดดเด่นของคนเจนนี้ จึงไม่แปลกที่ คุณวาสนา กุญชรรัตน์ หรือ ‘คุณตุ้ย’ เกษตรกรสาวคนเก่งวัย 54 ปี ผู้หาทางผันตัวเองออกจากงานประจำระบบราชการ มาสร้างแลนด์มาร์กอันแสนสุขให้ตัวเองในเขตบ้านเขาพระเอก ตำบลทุ่งหลวง อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 สามารถสร้างธุรกิจฟาร์มแพะนมภายใต้ชื่อ “TT Garden and Goat Farm” ที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่น คือการบริหารจัดการฟาร์มทุกอย่างด้วยความใส่ใจ จนได้รับการยกย่องให้เป็นฟาร์มแพะตัวอย่างในเขตภูมิภาคนี้ พร้อมรักษาฐานลูกค้าการตลาดมาได้ยาวนานกว่า 10 ปี ด้วยราคาขายที่ทำได้สูงกว่า 100 บาทต่อกิโลกรัม
จุดเริ่มต้นในการทำฟาร์มแพะ
การทำฟาร์มแพะเนื้อหรือแพะนมในเมืองไทยมีมานานแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่นิยมด้วยเนื้อหรือนมแพะที่ได้มามักติดกลิ่นสาปที่ผู้คนไม่ชอบ ซึ่งมีผลมาจากการจัดการดูแลฟาร์มแพะไม่ดีพอและยังประสบกับปัญหาโรคแท้งติดต่อ หรือโรคบรูเซลโลซิส ที่เป็นโรคสำคัญต่อวงการเลี้ยงแพะและสัตว์สี่เท้าอีกด้วย ซึ่งแพะเป็นสัตว์ที่ไวต่อการติดเชื้อนี้สูงกว่าสัตว์ชนิดอื่น ชนิดที่เป็นขึ้นมาเมื่อไหร่จะสร้างความเสียหายให้ได้มาก หากไม่มีการป้องกันหรือจัดการโรคนี้ได้ทันท่วงที
ดังนั้นการที่จะทำธุรกิจฟาร์มแพะให้ผ่านเวลามาได้นานกว่า
10 ปี โดยคุมได้ทั้งเรื่องการทำตลาด และคงคุณภาพได้แบบที่คุณตุ้ยทำจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
กับการเริ่มต้นทำฟาร์มแพะในพื้นที่จังหวัดราชบุรี เมื่อปี พ.ศ.2549 หลังลาออกจากงานราชการ
จนกลายมาเป็นฟาร์มต้นแบบที่หน่วยงานรัฐให้การสนับสนุน
คุณตุ้ย กล่าวว่า “จุดเริ่มต้นอาชีพการเลี้ยงแพะมาจากการมองหาตัวช่วยกำจัดหญ้าวัชพืชในสวนทั้งหมด
29 ไร่” ด้วยเหตุผลที่ว่า
แพะสามารถช่วยกำจัดหญ้าวัชพืชได้ดี มีนิสัยการกินหลากหลายมีพืชอาหารกว้าง
จึงเลือกแพะแทน โค แกะ หรือกระบือ ซึ่งเป็นสัตว์กินหญ้าเหมือนกัน บนพื้นฐานความคิดว่า
เพราะ
“การเลี้ยงสัตว์นั้นต้องการความใส่ใจ
จะมาทำเล่นๆ ทิ้งขว้างไม่ได้”
การเลือกชนิดสัตว์เข้ามาในฟาร์มนั้นจึงเกิดขึ้นมาภายใต้ความเหมาะสม จากการประเมินกำลังในการจัดการดูแลก่อนจะลงทุนสร้างแลนด์มาร์ก ดินแดนแห่งฟาร์มสุขให้แพะอยู่บนพื้นที่ 2,400 ตารางวา ด้วยจำนวนแพะ เริ่มต้นเพียง 25 ตัว และควบคุมจำนวนการเกิดใหม่ในปริมาณที่สามารถดูแลได้ทั่วถึง เนื่องจากแพะเป็นสัตว์ที่ต้องการการดูแลใส่ใจอย่างใกล้ชิด จึงวางแผนชีวิตให้สามารถจัดการแพะที่มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 80 ตัวในปัจจุบัน ด้วยแรงงานหลักของตัวเองและพี่สาวไปพร้อมกับการสำรวจตลาดและทำสวนมะม่วง พืชสมุนไพร ต่างๆ ควบคู่ไปด้วย
การทำธุรกิจต้องมีเงินทุนหมุนเวียน
ในวันที่ตัดสินใจลาออกมาทำฟาร์มแพะนั้น
คุณตุ้ยนำเงินเก็บที่มีมาซื้อที่ดินและลงทุนเลี้ยงแพะ พร้อมทำคอกแบบไม่เหมือนใคร มีการแยกคอกกั้นห้องให้แพะ
80 ตัวอยู่แบบรายตัว ด้วยเงินเริ่มต้นกว่า 2 ล้านบาท และไม่ได้ตระหนักรู้ว่า การทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการทำร้านเล็กๆ
ธรรมดาหรือจะเป็นโมเดลที่ใหญ่โตนั้นจำเป็นต้องมีเงินทุนสำรองหมุนเวียนที่สามารถอยู่ได้นาน
3 - 5 ปี
โดยการเลี้ยงแพะนมนั้นจะมีโจทย์ที่ท้าทายเกษตรกรผู้เลี้ยงอยู่ในช่วง
1-3 ปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงที่แพะยังไม่มีผลผลิต
ผู้เลี้ยงจะต้องประครองตัวเองให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ ด้วยในส่วนของแพะนั้นก็มีค่าจัดการด้านอาหารข้น
ยา และอาหารเสริมต่างๆ เกิดขึ้นทุกวัน ในขณะที่ส่วนของผู้เลี้ยงเองก็มีค่าใช้จ่ายจำเป็นต่างๆ
ในการดำเนินชีวิตด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ‘คุณตุ้ย’ จึงเดินหน้าเข้ามาปรึกษาการทำธุรกิจกับผู้มีความชำนาญ
เพื่อต่อยอดเงินทุนให้สามารถเดินหน้าเรื่องฟาร์มแพะต่อไป จนมีผลผลิตออกมาสร้างรายได้
สามารถขยายจำนวนแพะจาก 25 ตัวเป็น 80 ตัวได้ปัจจุบัน
และมีตลาดหลักอยู่ที่มหาวิยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสนและรีสอร์ทที่หัวหิน โดยสามารถควบคุมคุณภาพน้ำนมที่ผลิตจำหน่ายให้คงเดิมอยู่ได้มานานกว่า
10 ปี
ด้วยเทคนิคการใส่ใจ
เน้นการรักษาความสะอาด สร้างสภาพแวดล้อมให้แพะอยู่แบบเหมาะสม อาหารการกินสมบูรณ์
ทำให้แพะไม่เครียดจึงได้น้ำนมแพะสดไม่มีกลิ่นสาบ รสชาติดี ผู้คนชิมแล้วติดใจ จนทำราคาจำหน่ายจากหน้าฟาร์มได้ที่กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า
100 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยตามท้องตลาดปกติกว่าเท่าตัวมาได้ยาวนานกว่า
10 ปี
นอกจากนี้ยังมีการสร้างรายได้เสริมด้วยการนำนมแพะไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น สบู่นมแพะ เครื่องสำอางผสมนมแพะ ไอศกรีมนมแพะ ออกจำหน่ายตามงานต่างๆ และทำสวนปลูกพืชผัก ไม้ผล สมุนไพร สร้างรายได้หมุนเวียนให้เกิดในพื้นที่อย่างไม่หยุดนิ่ง ไม่อิงรายได้จากตลาดหลักเพียงอย่างเดียว
หลักการทำฟาร์มแพะให้ประสบความสำเร็จตามแบบฉบับคุณตุ้ย
การทำฟาร์มหรือทำการเกษตรก็เหมือนกับการเริ่มต้นทำธุรกิจอย่างหนึ่ง
ซึ่งก่อนจะลงทุน ‘คุณตุ้ย’ ได้ทำการสำรวจความพร้อมของตัวเองก่อนว่าพร้อมที่จะจัดการดูแลด้านไหน
มีพลังงานความสามารถจำกัดที่เท่าไหร่ และมีเงินลงทุนทำธุรกิจได้หรือไม่
แล้วจึงเริ่มวางแผนการทำงานจนนำมาสู่ความสำเร็จในวันนี้ ดังนี้
1. สร้างเครือข่ายสมาพันธ์กลุ่มผู้เลี้ยงแพะในจังหวัดราชบุรี
กระจายพันธุ์ ทำการตลาด แทนการเน้นขยายฐานกำลังการผลิต
ให้ก้าวไปด้วยกันมากกว่าจะฉายเดี่ยวมาคนเดียว
2.
เอาเรื่องตลาดของแต่ละเดือนมาวิเคราะห์ เพื่อเตรียมแผนการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
ไม่ปล่อยผลผลิตออกมาล้นตลาดจนราคาตก
3. คงคุณภาพการผลิตไว้ให้ได้มาตรฐานตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน
ไม่ใช่เฉพาะแค่ในฟาร์มตัวเองแต่ยังครอบคลุมไปถึงในเครือข่ายสมาพันธ์ฯด้วย
4. ไม่หยุดเรียนรู้ หรืออัพเดทข่าวสารและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับการเลี้ยงแพะ เพื่อนำมาปรับใช้กับการจัดการฟาร์มแพะแบบครบวงจร ซึ่งมีแผนที่จะพัฒนาต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวเชิงเกษตรต่อไป
ถอดบทเรียนการทำธุรกิจจาก ฟาร์มแพะนมอารมณ์ดี
1. เริ่มต้นธุรกิจด้วยการแก้ไขปัญหาตามแต่งภาพฝันให้เป็นจริง
โดยปัญหาที่มีคือเกิดวัชพืชในพื้นที่สวน เดิมที่ลงทุนซื้อนั้นมีหญ้าวัชพืชขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
ในการกำจัดหญ้าวัชพืชบนพื้นที่ 29 ไร่ ต้องใช้แรงงานไม่ต่ำกว่า 3 คน
จึงมีต้นทุนทั้งค่าแรงงาน ค่าเครื่องมืออุปกรณ์ น้ำมันเชื้อเพลิงเกิดขึ้น และหญ้าสามารถแตกใหม่และเติบโตได้เร็ว
จึงเป็นการสิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากรในการกำจัดทิ้ง
จึงนำมาสู่การคิดหาแพะมาปล่อยเลี้ยงกินหญ้าในพื้นที่
นอกจากนี้ยังเป็นเสมือนการเติมเต็มความฝันที่ อยากมีฟาร์มม้าเหมือนในหนังฝรั่งให้ตัวเองได้ใช่หล่อเลี้ยงหัวใจ
ให้มีกำลังในการทำงานต่อไปอย่างมีความสุขอีกด้วย
2. หาข้อมูลการทำธุรกิจฟาร์มแพะ
ศึกษาว่าแพะจะให้อะไร ก่อนจะลงทุนเลี้ยงแพะ ได้มีการศึกษาหาข้อมูล
เดินสายอบรมเอาความเกี่ยวกับการเลี้ยงแพะ
เพื่อหาลูกทางการสร้างรายได้จากสิ่งที่ลงทุนไป เช่น แพะ มีผลผลิตอะไรบ้าง
ที่สามารถแปรรูปตั้งตนจนเปลี่ยนเป็นเงินได้ รายได้เกิดจากอะไร เช่น
ผลผลิตที่จะเป็นรายได้หลักนั้นเกิดจากการขายน้ำนม,ขายพันธุ์,ขายมูลไปทำปุ๋ย,และจำหน่ายเป็นเนื้อ
ซึ่งสำหรับแพะจะมีระยะเวลาประมาณ 3 ปีกว่าจะเริ่มเก็บผลผลิตหลักอย่างน้ำนมได้
3. สำรวจข้อมูลทำการวิจัยตลาด คุณตุ้ยมีการตั้งลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
และกำหนดคุณภาพผลผลิตไว้ในใจ หลังจากรู้ว่าตัวเองจะทำอะไร? ที่ไหน? แล้ว
ก็ต้องมองให้ออกว่าจะขายสิ่งที่ทำอยู่กับใคร? โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณตุ้ย
คือ ตลาดหลักที่มหาวิยาลัยเกษตรกำแพงแสน เนื่องจากมีการบริโภคกันอยู่แล้ว และมีเครือข่ายที่ได้มาจากช่วงที่ทำงานรับราชการ
จึงทำการติดต่อสอบถามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยเริ่มจากการเข้าหาคนรู้จักและขยายวงออกไป
เพื่อเก็บข้อมูลตลาดนมแพะและมองหาจุดเด่นในการทำตลาดขายสินค้า จนได้รู้ว่า
นมแพะนั้นมีประโยชน์สูง ย่อยง่ายกว่านมวัว จนอาจกล่าวได้เลยว่ามีประโยชน์ดีกว่า
แต่คนไม่นิยมบริโภคเพราะมี “กลิ่นเหม็นสาบแรง” อันนำมาสู่โจทย์หลักในการทำงานฟาร์มและการจัดการผลผลิต
4. ประเมินศักยภาพของตัวเองว่า สามารถทำอะไรได้แค่ไหน คุณตุ้ยเน้นการทำงานแบบสบายๆ
ไม่เครียดทั้งคนและสัตว์
และมองที่คุณภาพและผลลัพธ์ด้านความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก ไม่ใช่มุ่งเน้นในเรื่องของตัวเงินที่คาดว่าจะได้รับเพียงอย่างเดียว
จึงทำให้ลดความตึงเครียดในช่วงขณะการบริกหารจัดการและทำงานได้อย่างสุขใจ
เพราะไม่ได้เอาเงินนำธุรกิจ แต่ใช้ใจนำธุรกิจ
ดังนั้น
คุณตุ้ยจึงรู้ความต้องการหรือกำลังของตนเองได้ดีว่ามีข้อจำกัดอะไรบ้าง
จึงไม่ทำอะไรเกินตัว จนอาจเป็นหนทางนำมาสู่ความเสียหายด้านอื่นๆ ตามมาด้วยการคุมคุณภาพผลผลิตและปริมาณจำนวนแพะในฟาร์มให้เหมาะสมต่อความสามารถในการจัดการดูแลด้วยแรงงานหลักที่มี
เพื่อป้องกันเรื่องการดูแลไม่ทั่วถึง ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ ก่อนลงทุนด้านต่างๆ
ให้เหมาะสม พร้อมกับวางแผนสำรองหาช่องทางออก รองรับผลผลิตหากวันหนึ่งมีคำสั่งซื้อลดลงในขณะที่ผลผลิตมีเท่าเดิม
ก็จะนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่าย เป็นการระบายผลผลิตสร้างทางเลือกของรายได้
ทำให้ไม่ต้องตันอยู่ที่รายได้หลักทางเดียว
5. คงคุณภาพให้ได้มาตรฐานเหมือนวันแรก คุณภาพวันแรกเป็นอย่างไรต้องทำให้ได้อย่างนั้นในทุกๆ วัน ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยจนคุณภาพตกต่ำ ในขณะที่ค่าความนิยมมีมากขึ้น ซึ่งการใส่ใจในเรื่องนี้นี่เองที่เป็นสิ่งมัดใจลูกค้าให้เลือกใช้ผลผลิตจากฟาร์มคุณตุ้ยแทนฟาร์มอื่น ด้วยเพราะเชื่อมั่นในจรรยาบรรณ และหลักธรรมในการทำงานที่แฝงไว้ใน DNA ของคน Gen X และอุปนิสัยของคุณตุ้ย
คุณตุ้ยจบนิเทศศาสตร์ เอกสื่อสารมวลชน
รักการถ่ายรูปเชิงท่องเที่ยวเกษตร มีความฝันถึงฉากคาวบอย
อยากมีฟาร์มม้าไว้ขี่เล่นเหมือนในหนังฝรั่ง และมองหาอาชีพที่ยั่งยืน จึงเลือกลาออกจากราชการมาทำฟาร์มแพะนม
ที่แม้จะไม่ได้เหมือนกับความใฝ่ฝันที่มี แต่ก็ถือว่าได้ทำอะไรใกล้เคียงตามความฝันแล้ว
จึงกล้าออกมาทำอย่างไม่ลังเล แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่างานภาคเกษตรนั้นเป็นงานที่เหนื่อยหนักต้องใช้ความอดทน
ความมุ่งมั่นและใจรักที่แท้จริง จึงจะทำให้ประสบความสำเร็จบนทางสายนี้ได้
แต่ก่อนตัดสินใจก้าวออกจากงานได้ถามตัวเองแล้วว่าไหวไหม
ซึ่งคำตอบคือ อาชีพเกษตรกรรมเป็นหนทางอาชีพที่ใช่ และทำให้เกิดความยั่งยืนได้เพราะตัวเองมีใจรัก
จึงดำเนินกิจการฟาร์มผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้เป็นขวบปีที่ 14 แล้วและยังคงความเชื่อมั่นในใจของลูกค้าที่ผูกพันกันมาตั้งแต่วันแรกที่ทำธุรกรรมร่วมกันได้อย่างไม่สั่นคลอน
ภาพประกอบ Facebook: TT Garden and Goat Farm, ฟาร์มแพะนม