จากแนวคิดที่ว่าชีวิตหลังความตายหรือการหยุดพัก
สั่งสมพลังงาน และรอเวลาคืนสู่วัฏจักรอีกครั้ง เป็นวงจรที่ไหลเวียนไร้ที่สิ้นสุด
แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่มีใครคิดที่ว่าเกิดมาจะต้องตายหรอกจริงมั้ย
แม้จะเป็นเรื่องที่แน่นอนที่สุดก็ตาม
แม้การต่อสู้กับ ‘ความตาย’ จะเป็นความท้าทายที่ล้มเหลวตลอดมา
แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งให้มนุษย์ผู้ชาญฉลาดล้มเลิกที่จะคิดค้นวิธีที่จะทำให้คนเราไม่ต้องตาย
หรือไม่ชีวิตอยู่ได้อย่างยืนยาวนับร้อยๆ ปี แต่เรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จริงๆ
หรือ มีจริงหรือโลกที่คนเกิดมาแล้วไม่ต้องตาย ไม่ต้องทรมานสังขารจากการเจ็บป่วย
แม้ตอนอาจจะยังทำไม้ได้ แต่ในอนาคตไม่แน่!!! มาดูกันว่าในปัจจุบันมีวิทยาการอะไรบ้างที่อาจทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น หรือแม้แต่การทำให้เราไม่ตายได้ มาดูกัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. สเต็มเซลล์ :
เป็นเซลล์ชนิดหนึ่งในร่างกายมนุษย์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ได้แทบทุกชนิด
สเต็มเซลล์สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์ที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
ในประเทศไทยได้มีการสนับสนุนการวิจัยสเต็มเซลล์มา 6-7 ปีแล้ว และประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ได้หลายชนิด
รวมทั้งเริ่มมีการนำมาใช้รักษาจริง
2. interferon beta : เป็นสารอย่างหนึ่งที่พบได้ในร่างกายเราเอง มีฤทธิ์ยับยั้งการโจมตีปลอกหุ้มเส้นประสาทของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ชะลอการดำเนินของโรคได้อย่างมาก
3. วัคซีนสำหรับอัลไซเมอร์ :
นักวิทยาศาสตร์จากประเทศแคนาดาได้พัฒนาวัคซีนที่มีฤทธิ์ในการป้องกันและรักษาการสูญเสียความทรงจำ
กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อต้านสารก่อโรค
ผู้ที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์บางส่วนมีการตอบสนองต่อวัคซีนมีความจำที่ดีขึ้น
4. ยาต้านมะเร็งอัจฉริยะ : นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบยามะเร็งตระกูลใหม่ที่ออกฤทธิ์อย่างจำเพาะเจาะจง
เปรียบเหมือนกับจรวดนำวิถีที่ล็อคเป้าหมายให้ทำลายเฉพาะเซลล์มะเร็งเท่านั้น
ยาเหล่านี้ได้แก่ Imatinib และ gefitinib
ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการทดลองทางคลินิก
5. หัวใจเทียมเสมือนจริง : หัวใจเทียมนี้คือ
AbioCor โดยบริษัท Abiomed ออกแบบและวิจัยพัฒนามากว่า
30 ปี AbioCor เป็นหัวใจเทียมที่ผลิตจากไททาเนียมและพลาสติกชนิดพิเศษ
ได้รับการออกแบบให้ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปยังปอดและส่วนอื่นๆ
ของร่างกายได้เหมือนกับหัวใจจริง
6. ยาเพิ่ม HDL : เป็นโคเลสเตอรอลชนิดดีที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดและหัวใจได้
ในผู้ที่มีระดับโคเลสเตอรอลสูงจะพบว่ามีโคเลสเตอรอลชนิดร้าย คือ LDL มหาวิทยาลัยทัฟส์ได้ค้นพบยาใหม่ที่เป็นความหวังสำหรับผู้ป่วยเหล่านี้
ยานี้คือ torcetrapib ที่สามารถกระตุ้นให้ระดับเอชดีแอลเพิ่มขึ้นได้ถึงสองเท่า
และยังช่วยลดระดับแอลดีแอลได้ด้วย
ตัวอย่างมาข้างต้นเป็นเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น
ยังมีงานวิจัยอีกมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อการแพทย์ ซึ่งที่ผ่านมามีการค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะเป็นอนาคตทางการแพทย์ยุคใหม่
ยุคที่คนเรามีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น
เวชศาสตร์นาโนช่วยให้เราอายุยืนถึง 150
ปี
เวชศาสตร์นาโนเป็นดาวรุ่งของวงการ
ด้วยชิ้นส่วนเล็กสุดที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ ด้วย ‘นาโนบ็อต’ หุ่นยนต์จิ๋วเหล่านี้
ซึ่งเข้าไปซ่อมแซมหรือตรวจตราส่วนที่กำหนดของร่างกาย
เพื่อที่จะทำให้เกิดความก้าวหน้าทางการแพทย์ในขนาดเล็กจิ๋วที่สุด
เมื่อเกิดวิวัฒนาการของ ‘ซุปเปอร์บั๊ก’ นั่นคือ
เชื้อแบคทีเรียดื้อต่อยาปฏิชีวนะทั้งหมดที่มีอยู่
ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ด้านการสาธารณสุขทั่วโลก นักวิจัยได้พัฒนาอนุภาคนาโนที่สามารถต่อสู้กับแบคทีเรียเหล่านี้
ซึ่งเป็นทางออกที่จะช่วยป้องกันวิกฤติการณ์ที่คิดว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้มานานแล้ว
เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของเวชศาสตร์นาโน
นักวิจัยจึงกำลังพัฒนาแนวทางแก้ปัญหาเพิ่มเติม ดังนี้ :
- การปรับปรุงวิธีการนำส่งยาที่มีอยู่ขณะนี้เข้าสู่ร่างกาย
- การตรวจและรักษาโรคแต่เนิ่นในระดับโมเลกุล
สำหรับโรคเช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ
และการวัดค่าตัวชี้วัดทางชีวภาพเพื่อหาสารบ่งชี้ มะเร็ง การอักเสบ
และสารบ่งชี้สำคัญอื่น ๆ
- วิศวกรรมเซลล์และเนื้อเยื่อ
เพื่อซ่อมแซมหลอดเลือดที่ฉีกขาดและเซลล์ประสาทที่บาดเจ็บ ด้วยวิธีการที่ไม่ล่วงล้ำเข้าสู่ร่างกายและถ้าเป็นไปได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า
เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อชีวิต
การพิมพ์ชิ้นส่วนทางชีวภาพจะทำให้เราสามารถปลูกอวัยวะทดแทนได้
เวชศาสตร์การฟื้นฟูสภาวะเสื่อมและการพิมพ์ชิ้นส่วนทางชีวภาพในเร็วๆ
นี้ จะทำให้เราแต่ละคนสามารถสร้างหัวใจ ตับ หรือไตขึ้นมาใหม่ได้เมื่อเราต้องการ
แทนที่จะต้องรอผู้บริจาคอวัยวะ นี่เป็นความคิดเหลือเชื่อที่จะต้องทำความเข้าใจ
แต่มันจะกลายเป็นความจริงได้ทำให้คาดว่าจะสามารถยืดอายุชีวิตมนุษย์ได้ยืนถึง 150
ปีเลยทีเดียว หรือสามารถฟื้นฟูความหนุ่มสาวได้นานยิ่งขึ้น
เชื่อมต่อสมองมนุษย์กับคอมพิวเตอร์
การฝากสมองมนุษย์และความทรงจำต่างๆ
จัดเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่กล่าวถึงตลอดมา ซึ่งในปี 2016 Elon Musk ผู้ก่อตั้ง Tesla
ได้จัดตั้งบริษัทสตาร์ทอัพ Neuralink ขึ้น
โดยมีเป้าหมายเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อสมองของมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์ ในลักษณะที่เรียกกันว่า
Brain-machine Interface หรือการที่เราจะสั่งงานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้
เพียงแค่เราคิดเท่านั้น
เขาตั้งเป้าจะทำการปลูกฝังชิปในสมอง
เพื่อให้สมองมนุษย์สามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง
แต่จะเริ่มใช้กับผู้ป่วยและทางการแพทย์ก่อน คาดว่าจะสามารถปลูกฝังอุปกรณ์ BCI ลงสมองผู้ป่วยได้ในปี 2021 (จากเดิมในปี 2020
แต่คาดว่าเจอกับปัญหาด้านโควิด 19 เสียก่อน) และอุปกรณ์สำหรับบุคคลทั่วไปจะตามมาในอีก
8-10 ปี ให้หลังจากนั้น วิทยาการที่สามารถรักษาการบาดเจ็บต่างๆ
ของร่ายกายได้อีกด้วย เช่น อาการอัมพาต รวมทั้งในอนาคตมีการกล่าวถึงการฝากจิตวิญญาณของคนไว้ในระบบคอมพิวเตอร์
เพื่อที่ให้จิตและร่างของคนเรายังอยู่ได้ตลอดไป
เทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3
มิติกับการพิมพ์อวัยวะเทียม
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้แนวโน้มการใช้ชีวิตของผู้พิการกับคนปกติแทบจะไม่แตกต่างกันเลย
ตัวอย่างความก้าวหน้าล่าสุดของกายอุปกรณ์ เช่น
มือเทียมที่สามารถสั่งการทำงานด้วยความคิดของคนได้
ความก้าวหน้าล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์ที่พัฒนา "ตับเทียม"
ซึ่งสามารถควบคุมยาเพื่อรักษาโรคเบาหวาน ตลอดจนเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติสำหรับใช้ผลิตอวัยวะและเนื้อเยื่อบางชนิด เพื่อทดแทนอวัยวะและเนื้อเยื่อในร่างกายที่สูญเสียไป
เป็นต้น
เทคโนโลยีและวิทยาการเหล่านี้นอกจากช่วยให้ผู้พิการสามารถใช้ชีวิตได้หมือนคนปกติแล้ว ยังช่วยให้บุคคลเหล่านี้เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมและสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น
ผลิตภัณฑ์และโปรแกรมเพื่อสุขภาพ
การพัฒนาเซ็นเซอร์ที่สามารถตรวจวัดสัญญาณก่อนเกิดภาวะหัวใจวาย, เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ช่วยเรื่องการวินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษาโรคที่มีความซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ
เช่น โรคมะเร็ง เป็นต้น นับเป็นอีกแนวทางที่จะช่วยยืดอายุมนุษย์ได้
เครื่องมือ อุปกรณ์
ตลอดจนถึงยาชนิดต่างๆ ได้ถูกพัฒนาคิดค้นขึ้นจำนวนมาก โดยมุ่งหวังดูแลรักษาสุขภาพมนุษย์แบบครบวงจร
นับแต่ตั้งแต่การป้องกัน การวินิจฉัยโรค การบำบัดรักษา และการฟื้นฟูสุขภาพ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอุปกรณ์อัจฉริยะ (Smart Devices) ซึ่งสามารถตรวจสอบ ติดตาม พร้อมทั้งแจ้งเตือนภาวะทางสุขภาพของร่างกายได้ในทุกขณะ
ทั้งลุก นั่ง ยืน เดิน นอน
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ประเภทนี้จำหน่ายในท้องตลาดมากมาย
โดยมุ่งหมายเพื่อใช้ตรวจติดตามในด้านใดด้านหนึ่ง
แต่ในอนาคตมีแนวโน้มว่าทุกอุปกรณ์จะสามารถเชื่อมต่อเข้าหากัน
โดยรวบรวมข้อมูลสุขภาพทุกด้านของแต่ละคนผ่านระบบ cloud
ซึ่งสามารถนำมาวิเคราะห์ประมวลผลเพื่อการวางแผนป้องกัน
และการบำบัดรักษาผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพได้
การเก็บรักษาโดยแช่แข็งร่างกายและสมอง
ไครโอนิกส์ (Cryonics) คือเทคโนโลยีขั้นสูงในการแช่แข็งร่างกายหรือสมองให้เก็บรักษาไว้ได้กว่าร้อยปี
เพื่อรอความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่มากกว่าปัจจุบัน ในการปลุกร่างกายขึ้นมาอีกครั้งและรักษาโรคที่เคยเป็นด้วยวิทยาการในอนาคต
โดยคาดหวังว่าจากการรักษานั้นผู้ป่วยจะหายสามารถใช้ชีวิตแบบปกติได้อีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่การเติบโตของวิทยาการปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ซึ่งเป็นสมองกลอัจฉริยะที่คาดว่าจะพลิกเปลี่ยนวงการแพทย์ให้ก้าวกระโดดได้อีกไกล ดังนั้นข้อมูลและงานวิจัยทั้งหมดในข้างต้น อาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่ใครๆ คาดคิด โลกนี้เป็นโลกที่มนุษย์อยู่อย่างเป็นอมตะ ไม่ตายได้จริงๆ
แหล่งอ้างอิง