เทศกาลเจปีนี้อยู่ในช่วงวันที่ 16–25 ตุลาคม
เป็นช่วงแห่งการถือศีลกินเจไม่รับประทานเนื้อสัตว์เป็นเวลา 9 วัน
เมื่อไม่มีเนื้อสัตว์คนกินเจจึงต้องหันมารับประทาน “เต้าหู้”
เป็นอาหารหลักทดแทนเนื้อสัตว์เพราะเต้าหู้เป็นอาหารที่อุดมด้วยโปรตีนสูง
“เต้าหู้” ได้รับการยอมรับว่าเป็น supper food อาหารมหัศจรรย์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายนับไม่ถ้วน และที่สำคัญมีราคาถูกจนกลายเป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จากงานวิจับพบว่า เต้าหู้ที่ทำจากถั่วเหลืองนั้นประกอบด้วยคุณค่าทางโภชนาการอาทิ เป็นแหล่งไขมันและโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อุดมไปด้วยสารอาหารคาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามิน A, B, B1, B2, B6, B12, ไนอาซิน, วิตามิน C, D, E, เลซิทิน, ไอโซฟลาโวน เป็นต้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ดังนั้นถึงแม้จะไม่ใช่ช่วงเทศกาลกินเจ
แต่อยากแนะนำให้ทุกคนมารับประทานเต้าหู้กันให้มากๆ เพื่อสุขภาพที่ดี 10 ประการ
1. โรคหัวใจ เต้าหู้ซึ่งทำมาจากถั่วเหลืองประกอบด้วยไอโซฟลาโวน
(Isoflavone)
ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกาย จึงป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันโอเมก้า
3 ที่ป้องกันการแข็งตัวของเลือดและหลอดเลือดแดงอุดตัน ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง
2. มะเร็ง เต้าหู้เป็นแหล่งแร่ธาตุซีลีเนียมซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ร่างกายต้องการ
สำหรับการทำงานของระบบต้านอนุมูลอิสระ เพื่อปกป้องระบบของเราจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ผู้ชายสามารถลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากได้ด้วยการกินเต้าหู้เป็นประจำ
3. ช่วยคนวัยทอง เต้าหู้มีปริมาณแคลเซียมสูงซึ่งเหมาะกับผู้หญิงเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน
ป้องกันการเสื่อมสภาพของมวลกระดูก มีไอโซฟลาโวน (Isoflavone) ช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ นอกจากนี้ผู้หญิงที่อยู่ในวัยใกล้หมดประจำเดือนควรรับประทานเต้าหู้ประจำ
เพื่อเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เริ่มจะมีน้อยลง
4. เพิ่มภูมิคุ้มกัน
เต้าหู้เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีส่วนสำคัญในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
เนื่องจากเต้าหู้เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งเป็นเกราะป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียและโรคต่างๆ
ที่เกิดจากภูมิคุ้มกันต่ำ
5. ดีต่อหญิงตั้งครรภ์
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรรับประทานเต้าหู้ในปริมาณปานกลาง จะเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์
เพราะปริมาณแคลเซียม เหล็ก และโปรตีนในเต้าหู้ช่วยป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
ลดการแพ้ท้อง และช่วยสร้างกระดูกให้คุณแม่และลูกน้อยแข็งแรงอีกด้วย
6. ป้องกันโรคโลหิตจาง เนื่องจากเต้าหู้เป็นแหล่งของธาตุเหล็กจำนวนมาก
ซึ่งคุณสมบัติของธาตุเหล็กช่วยสร้างฮีโมโกลบิน เป็นสารสำคัญในเม็ดเลือดแดงและช่วยนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ
ของร่างกาย และช่วยปกป้องร่างกายให้ห่างไกลจากโรคโลหิตจาง
7. เสริมสร้างกระดูก เต้าหู้อุดมไปด้วยแคลเซียมและยังมีไอโซฟลาโวน
isoflavones
ซึ่งองค์ประกอบทั้งสองนี้ ช่วยเสริมสร้างกระดูก ลดความเสี่ยงของโรคข้ออักเสบ
และโรคกระดูกพรุน
นอกจากนี้อาหารนี้ยังอุดมไปด้วยโปรตีนจากถั่วเหลืองที่ช่วยให้กระดูกแข็งแรง
8. ความงาม ประโยชน์อีกประการหนึ่งของการรับประทานเต้าหู้เป็นประจำ
คือช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้
เนื่องจากเต้าหู้อุดมด้วยโปรตีนสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
ช่วยต่อต้านสัญญาณแห่งวัยและกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า
เพื่อความอ่อนนุ่มและดูอ่อนเยาว์ ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว ปัจจุบันวงการความงามจึงนิยมทำมาร์คใบหน้าด้วยเต้าหู้เป็นผลิตภัณฑ์ที่นิยมกันมาก
9. แก้ปัญหาผมร่วง
เส้นผมของมนุษย์ส่วนใหญ่ทำมาจากโปรตีนที่เรียกว่าเคราติน (keratin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่จำเป็นสำหรับเส้นผม
การรับประทานเต้าหู้เป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายผลิตเส้นผมมากขึ้น และทำให้เส้นผมมีสุขภาพดี
10. ลดน้ำหนัก
เต้าหู้เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงไขมันต่ำ เหมาะที่จะเป็นอาหารสำหรับคนลดน้ำหนัก ทั้งนี้เต้าหู้มีหลายชนิดที่ให้พลังงานต่ำสามารถเลือกนำมาทำอาหาร
อาทิ เต้าหู้ขาวแข็ง 100 กรัม ให้พลังงาน 145 กิโลแคลอรี
มีโปรตีน 16 กรัม, เต้าหู้ขาวอ่อน 100 กรัม
ให้พลังงาน 76 กิโลแคลอรี มีโปรตีน 8 กรัม และเต้าหู้หลอด น้ำหนัก 120 กรัม /1 หลอดให้ พลังงาน 60-70 กิโลแคลอรี โปรตีน 13 กรัม
ข้อดีของเต้าหู้มีมากมายอย่างนี้ ควรเริ่มหันมารับประทานเต้าหู้ตั้งแต่วันนี้กันเลย