มาทำความรู้จักเมนูเด็ดอาหารจากกัญชา
ตามรอยภูมิปัญญาดั้งเดิม ที่ถูกพัฒนาตำรับอาหารสูตรพิเศษโดยผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรไทย
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี เปิดสู่สายตาชาวไทยและชาวโลกเมื่อปลายเดือนธันวาคม2563
ภายหลังจากกระทรวงสาธารณสุขประกาศปลดล็อกให้ใบ ราก ลําต้นกัญชา ไม่ต้องถูกจัดเป็นยาเสพติด
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2562 แล้วสามารถนํามาใช้ประโยชน์เพื่อทางการแพทย์ได้
และยังมอบหมายให้ อภัยภูเบศร เดย์ สปา
หน่วยงานภายใต้ของโรงพยาบาลอภัยภูเบศวร
ซึ่งเป็นหน่วยงานนําร่องในด้านการพัฒนากัญชาและการใช้ประโยชน์สูงสุด ตั้งแต่การปลูก
ผลิตทำยา และใช้ในเชิงการแพทย์ เพื่อรักษาโรค
รวมถึงการพัฒนาต่อยอดการใช้ประโยชน์และการเพิ่มมูลค่าสารอาหารในอนาคต
เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และเป็นมาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
ซึ่งทางอภัยภูเบศร เดย์ สปา เป็นศูนย์ฝึกอบรมภูมิปัญญาสมุนไพร ได้เริ่มต้นพัฒนาเมนูเด็ดจากกัญชาบนพื้นฐานความปลอดภัยตามหลักฐานเชิงประจักษ์ โดยปรุงเมนูอาหารเด็ดเลิศรสนำร่องรายแรกของประเทศไทย เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับถ่ายทอดต่อประชาชน และผู้ประกอบการที่สนใจต้องการนำสูตรอาหารเมนูเด็ดจากกัญชาเพื่อเชิงพาณิชย์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขอนุญาตให้นำส่วนของกัญชาสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ยกเว้นช่อดอกและเมล็ดกัญชา
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ปัจจุบัน อภัยภูเบศร เดย์ สปา ได้ปรุงเมนูอาหารตำรับกัญชา 4 เมนูเด็ดด้วยกัน ได้แก่
1. รื่นเริงบันเทิงยำ
2. เล้งแซ่บซดเพลิน
3. ข้าวกะเพราสุขใจ
4. ขนมปังคึกคัก
ซึ่งทั้งหมดถูกผลิตขึ้นตามภูมิปัญญาเดิมที่มีมาอยู่แต่ก่อนแล้ว โดยเมนูพิเศษจากกัญชา หรือ “มาชิมกัญ” ของอภัยภูเบศร เดย์ สปา นั้นได้รับการอนุญาตในการนำกัญชามาปรุงในอาหารได้แล้ว ซึ่งเมนูทั้งหมดถูกวัดอัตราส่วนต่างๆ อย่างเหมาะสม ขนาดในปริมาณที่กิน และข้อจำกัดในการกินเพื่อความปลอดภัย ตลอดทั้งรับประทานแล้วไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค
เภสัชแนะกินอย่างไรมีประโยชน์และปลอดภัย
เมนูอาหารเด็ดจากกัญชานั้น ภญ.ฐานิตา
บุญเชิด แพทย์แผนไทยปฏิบัติการอภัยภูเบศร เดย์ สปา บอกว่า แต่ละเมนูถูกนำมาประยุกต์อยู่ในส่วมผสมเมนูอาหารตามตำหรับเมนูอาหารโบราณตามภูมิปัญญาของคนไทย
นอกจากจะใช้กัญชาเป็นยาแล้ว ยังใช้เป็นสมุนไพรชูรส ทำให้รสชาติอร่อยกลมกล่อม
ซึ่งส่วนที่นำมาใช้ คือ ใบกัญชาสดหรือแห้งก็ได้ นิยมใส่แกง ก๋วยเตี๋ยว หรือผัด
โดยปริมาณที่ใช้ต่อหนึ่งหม้อมื้ออาหารรับประทานกันในครอบครัว จะอยู่ประมาณ 3 ยอด
หรือ 5-8 ใบ ถือว่าเป็นปริมาณที่พอดี จะมีประโยชน์และปลอดภัยต่อสุขภาพ
ส่วนใครที่สนใจทำเมนูอาหารเด็ดจากกัญชา
นั้น ภญ.ฐานิตา แนะนำ 2 เมนูเด็ดนำร่องทำไม่ยุ่งยาก โดยเมนูแรก คือ “ขนมปังคิกคัก”
ที่มีส่วนประกอบ คือขนมปังที่ต้องนำไปผึ่งให้แห้งก่อน หมูบด แป้งทอดกรอบ น้ำปลา
ไข่ไก่ ซีอิ๊วขาว สามเกลอ ประกอบด้วย รากผักชี พริกไทย ใบกัญชา 2 ใบ
หลังจากเตรียมเครื่องประกอบอาหารพร้อมแล้ว ก็เริ่มดำเนินการนำหมูบดผสมแป้งทอดกรอบ
ใส่น้ำปลา ไข่ไก่ ซีอิ๊วขาว และสามเกลอ ให้ผสมเข้ากัน
จากนั้นก็เอาหมูบดที่ผสมแล้วไปทาหน้าขนมปัง เสร็จแล้วก็นำใบกัญชาวางที่หน้าหมูบด
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ดำเนินการนำไปทอด
โดยใส่น้ำมันในกระทะที่ใช้ไฟประมาณไฟกลาง เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่ก็นำขนมปังลงไปทอด โดยสังเกตว่าขนมปังถูกไฟกรอบได้ที่ก็นำขึ้นมาใส่จาน
พร้อมเสิร์ฟได้ทันที
ขณะที่เมนูอาหาร “รื่นเริงบันเทิงยำ” มีส่วนประกอบ คือ ใบกัญชา แป้งทอดกรอบมีไว้สำหรับชุบใบกัญชาทอดกรอบ ส่วนเครื่องยำประกอบด้วย หมูสับรวนสุก เครื่องยำมีหอมแดง แครอท มะเขือเทศ ผักชีฝรั่ง สำหรับเครื่องปรุงมีพริก น้ำปลา มะนาว แล้วนำเครื่องยำมาผสมตามที่ชอบ แล้วใส่หมูบดผสมลงไปอีกครั้ง ส่วนใบกัญชาก็น้ำไปชุบแป้งทอดจนกรอบ ก็สามารถน้ำมารับประทานได้ทันที
กัญชาช่วยเพิ่มมูลค่าของสารอาหาร
ในมุมมองของ ดร.ภญ.ผกากรอง
ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า เมนูอาหารอย่างแรกเป็นขนมปังหน้าหมูใส่ใบกัญชา
และอีกเมนูก็เป็นยำ ส่วนมากก็เป็นผักทั่วๆ ไปก็เปลี่ยนมาเป็นใบกัญชาแทนชุบแป้งทอด ส่วนรสชาติก็เหมือนผักปกติ
สิ่งที่โรงพยาบาลอภัยภูเบศรทำก็เพื่อเพิ่มมูลค่าของสารอาหาร แทนที่จะใส่ผักธรรมดาก็เปลี่ยนผักส่วนหนึ่งมาเป็นกัญชา
สิ่งที่พยายามทำนอกเหนือจากการที่พยายามเอามาพัฒนาตำรับอาหารเหล่านี้ ก็เสริมให้ความรู้ไปด้วย
"คนโบราณจะบอกว่าใน 1 วัน
เราไม่ควรรับประทานเกิน 5 ใบ รับประทานมากๆ เดี๋ยวจะเมา ในการปรุงอาหารอย่างจานหนึ่ง
เราก็จะกำหนดไว้เลยว่ารับประทาน 2 ใบ 1 ท่าน ต่อ 1 จาน ก็เหมาะสม
ถ้าปริมาณมากก็อาจทำให้เมาได้ หรือบางคนที่ยังไม่เคยเลย ก็อาจจะเริ่มครึ่งใบหรือ 1
ใบก่อน เพราะบางคนมีความไวที่แตกต่างกันต่อกัญชา
นี่คือสิ่งที่เราให้ความรู้กับผู้บริโภค"
ถึงแม้ว่ากัญชาจะมีประโยชน์
แต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน โดยผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี ผู้ป่วยตับและไต
ผู้ป่วยที่ใช้ยาวาร์ฟาริน โรคหัวใจและหลอดเลือด
ถ้าไม่จำเป็นก็อย่ารับประทานเพื่อความปลอดภัยเป็นดีที่สุด