เชื่อว่าทุกคนคงรู้จัก ‘โอทอป’ (OTOP) ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของคนไทย ซึ่งโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรก ณ
เมืองโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความเจริญแก่ชุมชนให้สามารถยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดีขึ้น ด้วยการปรับปรุงและกลั่นกรองทรัพยากรที่หาได้ในท้องถิ่นก่อนนำมาผลิตเป็นสินค้า
ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลสามารถจำหน่ายในตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ
ไม่ต้องพึ่งพางบประมาณจากภาครัฐ
ซึ่งตามนโยบายอินเดียพึ่งพาตนเอง (Atma Nirbhar Bharat) รัฐบาลในระดับรัฐกำลังพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะในภาคเกษตรเพื่อสามารถต่อยอดการผลิตและมีรายได้เสริม โดยได้นำแนวทางของญี่ปุ่นมาใช้ คือ One District One Focus Product (ODOP) และจะคัดเลือกชุมชนที่มีศักยภาพในการผลิตมารับการส่งเสริมด้านการส่งออกด้วย ภายใต้โครงการ Districts as Export Hub ทั้งนี้จะมีการพัฒนาระบบวัดผลการส่งเสริมการส่งออกในระดับรัฐและอำเภอด้วย ซึ่งในขณะนี้ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการส่งออกระดับรัฐและระดับอำเภอ (State Export Promotion Committeeand District Export Promotion Committee) โดยมีภาคเอกชนในพื้นที่นั้นๆ เข้ามามีส่วนร่วมด้วย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
อินเดียตั้งเป้าที่จะส่งเสริมการส่งออกสินค้า ODOP ให้ได้มูลค่า 6
หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2565 โดยมอบหมายให้
Indian Council of Agricultural Research (ICAR) ทำการศึกษาศักยภาพของแต่ละอำเภอ
และสำรวจความเห็นจากคนในท้องถิ่น เพื่อกำหนดกลุ่มสินค้าที่ควรมุ่งเน้นในแต่ละพื้นที่
(Clusters) ตัวอย่างเช่น สินค้าประเภทพรมที่เมือง Bhadohi, น้ำหอมที่เมือง
Kannauj, ผลิตภัณฑ์จากข้าวที่เมือง
Siddharthnagar, ในขณะที่เมือง Chittoor จะเน้นผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ, ส่วนเมือง NelloreKurnool เน้นผลิตภัณฑ์จากมะนาว และกำหนดให้เมือง Guntur และ Prakasam เป็นเมืองพริกและขมิ้นแปรรูป ซึ่งในแต่ละคลัสเตอร์จะมีหลายหน่วยงานเข้ามาทำกิจกรรมส่งเสริมในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน
อาทิ กระทรวงเกษตรและสวัสดิการเกษตรกร กระทรวงอุตสาหกรรมอาหาร กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม
และกระทรวงการท่องเที่ยว
การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจโดยคำนึงถึงศักยภาพเชิงพื้นที่ (Cluster-based Economic Planning) ได้ส่งผลให้ภาคเอกชนในแต่ละอำเภอ
ต้องคำนึงถึงการวางแผนธุรกิจให้เชื่อมโยงกับศักยภาพและวัฒนธรรมของท้องถิ่นมากขึ้นด้วย
เพื่อให้สามารถรับมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ
และเอื้อให้ได้รับสินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย (Micro
Food-processing Enterprises Scheme) รวมทั้งจะได้รับการสนับสนุนจากร้านค้าปลีกและตลาดออนไลน์ที่เข้าร่วมโครงการ
ตลอดจนมีสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติที่จัดโดยภาครัฐโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
การส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรในแต่ละคลัสเตอร์ของอินเดีย ก่อให้เกิดความต้องการเครื่องจักรและบรรจุภัณฑ์ต่างๆ
จากการพบปะผู้ประกอบการที่เมืองสุรัต ทำให้ทราบถึงความต้องการกระป๋องเพื่อนำมาบรรจุผลไม้แปรรูปและพริกดอง
ซึ่งพบว่าในปี 2563 อินเดียนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง
57% นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความต้องการบริการจัดเก็บสินค้าเกษตรเพื่อนำมาแปรรูป
ซึ่งอินเดียยังขาดความชำนาญด้านการจัดการไซโล โกดัง และห้องเย็น
ในขณะเดียวกันความพยายามของอินเดียในการยกระดับผู้ประกอบการชุมชน ทั้งเพื่อการบริโภคภายในและการต่อยอดเป็นอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก
ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มระยะยาวที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทอาหารและเกษตรแปรรูป
รวมถึงของใช้บนโต๊ะอาหารเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน เครื่องหนังตุ๊กตาและของเล่น
ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันเข้มข้นขึ้นทั้งในตลาดภายในประเทศอินเดียและตลาดโลก
อย่างไรก็ดี สินค้าที่มีเอกลักษณ์และใช้ความประณีตซับซ้อน ซึ่งมีตลาดเป้าหมายเป็นผู้มีรายได้สูง
จะยังคงเป็นโอกาสสำหรับผู้ส่งออกไทยต่อไป อาทิ ของใช้บนโต๊ะอาหารที่ทำจากเซรามิกและสแตนเลส
กระเป๋าถือสำหรับผู้หญิง รวมถึงอัญมณีและเครื่องประดับ ทั้งนี้ผู้ประกอบการไทยควรศึกษารูปแบบและราคาได้
จากสินค้าที่จำหน่ายอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ของอินเดีย อาทิเช่น Amazon.in และ flipkart.com
การที่ OTOP จะเติบโตอย่างยืน สิ่งสำคัญก็คือ ‘พลังของคนในท้องถิ่นและการส่งเสริมจากภาครัฐ’ ที่อยากสร้างความเปลี่ยนแปลง พัฒนาคุณภาพชีวิตคนในท้องถิ่นและประเทศให้ดีขึ้น
ก่อนช่วยกันขับเคลื่อนให้เกิดการยอมรับ ‘ภูมิปัญญาท้องถิ่นในระดับสากล’
แหล่งอ้างอิง :