อยากเป็นเจ้าของกิจการแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
เงินทุนไม่ได้มีมาก อยากเสี่ยงลงทุนแล้วร่ำรวย เพราะเบื่อรถติด
เบื่อตอกบัตรเข้า-ออก เบื่ออยู่ในกรอบของมนุษย์เงินเดือน
เสียงสะท้อนเหล่านี้คงดังก้องอยู่ในหัวของหนุ่มสาวสมัยใหม่ที่มีความเป็นอิสระในตัวเองสูง
ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน และไม่พลาดโอกาสที่จะมองหาช่องทางสร้างรายได้ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
บทความนี้จะเป็นแบบช่วยสำรวจความพร้อมทางกาย-ใจให้ว่า ณ วันนี้คุณพร้อมจะ Startup เข้าสู่เส้นทางการทำธุรกิจแล้วหรือยัง? เพราะวิธีเริ่มต้นธุรกิจในยุคสมัยเทรนด์โลกเปลี่ยนเร็วแบบนี้ การนำไอเดียและภาพในหัวมาทำการตลาดให้เร็วที่สุด คือหนทางไปสู่ความสำเร็จของการทำธุรกิจ ในทางตรงกันข้ามหากลังเล ล่าช้า นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการฆ่าโอกาสในการทำธุรกิจของตัวเอง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. แค่ต้องเริ่มต้นและลงมือทำ
หากมัวแต่คิดแต่ไม่ได้เริ่มต้นทำ
ก็จะไม่มีวันได้เริ่มต้นทำอะไรเลย ดังนั้นเมื่อมีไอเดียอยู่ในหัวจงนำมันออกมาทำเป็นรูปเป็นร่าง
อย่าได้รอช้า เพราะอะไรก็ตามที่ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้
จะกลายเป็นเพียงแค่ขยะทางความคิด หรือ ความเพ้อฝันทางอากาศที่ฟุ้งอยู่ในหัวไปวันๆ
ดังนั้น เมื่อมีไอเดียทางธุรกิจแล้วให้ลุย!
- เขียนแผนธุรกิจ
- ออกแบบโลโก้
- ตั้งชื่อ จดทะเบียน
- ร่างผลิตภัณฑ์ (สินค้าและบริการ)
- ทำผลิตภัณฑ์ต้นแบบ
2. ขายอะไรก็ได้
จงขายอะไรก็ได้
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมาจากไอเดียของตัวเอง หรือ เป็นกระแสทางการตลาดในขณะนั้นๆ หรือแม้แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในท้องตลาด อย่าได้จำกัดเส้นทางของตัวเองด้วยคำว่าต้องเป็นอะไรที่แปลกใหม่
แตกต่างจากสิ่งที่มี หรือเป็นไปไม่ได้ เพราะอะไรก็เป็นไปได้ บนความเป็นไปไม่ได้
ในโลกความเป็นจริงคนที่ประสบความสำเร็จ เขาก็ไม่ได้ขายหรือทำธุรกิจอะไรที่แปลกใหม่ไปจากท้องตลาด พวกเขาขายในสิ่งที่มีอยู่แล้ว เช่น เปิดร้านสเต๊ก ขายกาแฟ ขายน้ำอัดลม ขายโฆษณา ขายของที่มีอยู่แล้วทั่วไป การเข้ามาเป็นผู้ประกอบการจึงไม่ได้หมายความว่า ผู้ประกอบการ จะต้องเป็นนักประดิษฐ์ คิดค้น เริ่มต้นผลิตภัณฑ์เสมอไป ผู้ประกอบการ สามารถนำสินค้าจากแหล่งอื่นมาขายได้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเดิมๆ หรือ นำมาปรับเปลี่ยนใหม่ในรูปแบบของตัวเอง
3. หาใครสักคนมาเป็นที่ปรึกษาและร่วมทำไปด้วยกัน
เมื่อมีปัญหาในการทำธุรกิจไม่ว่าจะเกิดจากความไม่รู้ หรือติดขัดเรื่องอะไร จงหาคนที่มีความรู้ ความชำนาญ มาช่วยทำงานให้ อย่าปล่อยให้เวลาเสียเปล่าไปกับการนั่งแก้ปัญหาที่ตัวเองไม่สามารถแก้ไขได้ จงนำเวลาที่มีไปใช้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด หากมีบางเรื่องหรือหลายเรื่องที่ไม่เข้าใจ จงเข้าหาใครสักคนที่มีความรู้ มีความชำนาญในเรื่องนั้นๆ มากพอที่จะช่วยให้ดำเนินธุรกิจไปต่อได้ โดยอาจใช้วิธีการจ้างวาน แล้วตบท้ายด้วยการแบ่งปันหุ้น ชวนเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจการ
4. จ้างแรงงานนอกพื้นที่
การเลือกจ้างแรงงานที่ไม่ต้องมีออฟฟิศมารองรับการทำงานประจำ เช่น แรงงานต่างจังหวัด หรือแรงงานที่ทำงานแบบ Work at Home เข้ามาช่วยดำเนินงาน จะทำให้ไม่ต้องมีต้นทุนค่าจ้างสูงมากจากการต้องมานั่งปั้นออฟฟิศ หาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ มาจัดตั้งสถานที่ เพื่อเป็นที่ทำงานให้กับลูกจ้างแรงงาน ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยให้ประหยัดต้นทุนด้านการจัดการเรื่องค่าจ้างแรงงานลงไปได้
5. หาลูกจ้างแบบสัญญาจ้างเข้ามาช่วย
ด้วยไลฟสไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไป
มีการมองหารายได้เสริมควบคู่ไปกับการทำงานประจำ ชอบแสวงหาแหล่งทำเงินใหม่ๆ
ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า รวมไปถึงชอบความยืดหยุ่นด้านเวลาจนผันตัวออกมาเป็นฟรีแลนซ์
ซึ่งเป็นเทรนด์การทำงานมาแรงในขณะนี้ จัดเป็นเรื่องราวอันดีของผู้ประกอบการ ที่จะสามารถหาคนมากความสามารถในตลาดแรงงาน มาร่วมทำงานแบบสัญญาจ้างปีต่อปี
เดือนต่อเดือน หรือเป็นจ๊อบได้ง่าย เพราะการมีลูกจ้างแรงงานนั้นมีต้นทุนในการจัดการดำเนินอยู่มาก และเป็นภาระที่ผู้ประกอบการจะต้องแบกรับไปตลอดระยะเวลาในการดำเนินงาน
เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงที่จะต้องเสียไปกับการจ้างแรงงาน ทั้งในเรื่องค่าเช่าสถานที่ การจัดหาอุปกรณ์ สวัสดิการ ประกันสังคม ฯลฯ การทำสัญญาจ้างงานชั่วคราวจึงเป็นสิ่งที่ผู้เริ่มต้นธุรกิจควรพิจารณาเลือกมาทำ แม้ว่าจะต้องจ่ายในราคาที่สูงกว่า ถ้าเทียบกับจำนวนเงินที่จะเสียไปในการจัดการบริการเรื่องแรงงานประจำออฟฟิศนั้น เงินจำนวนนี้ยังคงน้อยกว่ามาก
6. มองหาหุ้นส่วน
การเริ่มต้นธุรกิจด้วยตนเอง อาจเริ่มต้นมาจากความรักความชอบในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นเพียงแรงบันดาลใจให้เริ่มต้น Startup แต่ไม่ได้เหมารวมว่าจะช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจให้เติบโตก้าวหน้าไปสู่ความสำเร็จได้ ฉะนั้นจงมองหาคนที่จะมาร่วมหุ้น ทำธุรกิจร่วมกัน คนที่จะมาช่วยแบ่งเบาหน้าที่ในการขับเคลื่อนกิจการ ในส่วนงานที่ไม่ถนัด
7. ทำงานร่วมกับคนที่จะช่วยนำพาไปสู่จุดสูงสุด
มนุษย์เราจะมีสภาวะซึมซับพฤติกรรมคนใกล้ตัวโดยธรรมชาติ การอยู่ใกล้ใครจะทำให้คนๆ นั้นซึบซับอุปนิสัย พฤติกรรม ของคนที่อยู่ใกล้เข้าไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการได้ทำงานร่วมกับคนเก่ง มีความสามารถเด่น จะกลายเป็นตัวช่วยส่งเสริมผลักดันให้ไปสู่ความสำเร็จได้ ในการเริ่มต้นธุรกิจ จึงจำเป็นต้องพาธุรกิจหรือตัวเองไปเจอโอกาส บุคคล แวดวง ที่จะช่วยผลักดันส่งเสริมให้ธุรกิจมีความก้าวหน้า เพื่อใช้สิ่งเหบ่านี้ผลักดันตัวคุฯและธุรกิจไปสู่จุดสูงสุดได้
8. อย่าเน้นแต่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว
อย่าห่วงกังวลถึงแต่เรื่องการเงิน รายได้ หรือผลกำไรที่คาดว่าจะได้รับในการ Start Up เพียงอย่างเดียว ให้ไปโฟกัสในเรื่องของตัว ผลิตภัณฑ์ ที่ดำเนินการให้ดีก็พอ เพราะเมื่อสินค้า บริการดี จะสามารถขายตัวเองได้ และมักมีวิธีสร้างรายได้ที่ดีจากสินค้าและบริการที่ดีได้เสมอ จงพัฒนาในสิ่งที่ทำอยู่ให้มากกว่าการคิดถึงจำนวนเงินที่จะได้รับ แล้วเมื่อสิ่งที่ทำอยู่นั้นมีคุณภาพดี รายรับที่ดีจะตามเข้ามาเอง
9. แบ่งเวลาและเงินให้กับการทำการตลาด
การทำตลาด เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่งในการทำธุรกิจ เพื่อสร้างภาพและทำให้ผู้บริโภคมั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์ของเรามีคุณภาพดี ใช้แล้วเกิดความพึงพอใจตามความคาดหวัง จนโปรดักส์นั้นสามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้ด้วยตนเอง เพราะการทำตลาดไม่ใช่การเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่มันเป็นสิ่งแรกที่คุณต้องทำให้ดีที่สุดในการทำธุรกิจของคุณ
10. หาวิธีสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมาย
การเริ่มต้นธุรกิจจากไอเดียและความชอบของคุณเพียงอย่างเดียวอาจไม่ช่วยตอบโจทย์แทน กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ ในการเริ่มต้นควรมีการทำการสำรวจข้อมูล ความพึงพอใจ ของผลิตภัณฑ์ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาใช้การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้สามารถช่วยแก้ปัญหาและสร้างความพึงพอใจต่อผู้บริโภคได้
หากจะมีคนมาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณ คุณคือผู้ที่เรียนรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับกลุ่มลูกค้าเหล่านี้
เพราะผ็คนกลุ่มเป้าหมายคือคนที่จะทำผลกำไร หรือ สร้างรายได้ให้กับคุณ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ของคุณจึงควรเปิดกว้าง
ให้ทางเลือกที่หลากหลายแก่กลุ่มเป้าหมายมต้น
อะไรๆ ก็เป็นไปได้.