โควิด 19 ระลอก 3
ยิ่งทวีความรุนแรงเพราะติดเชื้อง่ายและแพร่กระจายไปตามชุมชนอย่างรวดเร็ว
ทำให้หลายคนต้องระวังตัวกันมากขึ้นเพื่อไม่ให้ติดเชื้อ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับเชื้อง่ายกว่าบุคคลทั่วไป
เพราะอยู่ในวัยที่ภูมิต้านทานน้อยลง และบางคนอาจมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน
โรคความดันโลหิตสูง โรคปอด โรคไขมันในเส้นเลือด ฯลฯ.
“กลุ่มผู้สูงวัย” หมายถึง พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่อยู่ในบ้าน คือบุคคลที่เรารัก ดังนั้นในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ลูกหลานในบ้านจึงควรจะหันมาให้การดูแลเอาใจใส่ต่อบุคคลสูงวัยอันเป็นที่รักเป็นพิเศษกว่าปกติทั้งสุขภาพกายและใจ ถ้าอยากเป็นลูกหลานกตัญญู ลองนำ 9 วิธีดูแลผู้สูงวัยให้ปลอดภัยจากโควิด 19 ดังนี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. อาหาร : อาหารที่เหมาะสำหรับผู้สูงวัยนั้นควรเป็นอาหารที่สะอาดถูกสุขลักษณะปรุงสุกใหม่ๆ
มีความหลากหลายทางโภชนาการครบ 5 หมู่ ส่วนรสชาติของอาหารไม่ควรเน้นหวานหรือเค็มเกินไป
และช่วงนี้ควรเน้นอาหารที่มีโปรตีนและวิตามินที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น
2. ออกกำลังกายเบาๆ : โดยเลือกการออกกำลังกายภายในบ้านเป็นหลัก เช่น การเดิน แกว่งแขน หรือออกกำลังกายกับเครื่อง ควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30-60 นาที หรือเท่าที่ทำได้ตามสภาพของผู้สูงอายุ
3. พักผ่อนให้เพียงพอ : การพักผ่อนนอนหลับสำคัญมากสำหรับผู้สูงอายุ ควรเข้านอนไม่เกิน 3 ทุ่ม เพื่อให้ร่างกายพักผ่อนได้เต็มที่ 7-9 ชั่วโมง/วัน ถ้าผู้สูงอายุบางคนนอนไม่หลับในช่วงกลางคืน ก็ควรได้นอนชดเชยในช่วงบ่ายๆ ก็ได้
4. บ้าน : คือพื้นที่ปลอดภัยที่สุดในเวลานี้ ในช่วงที่มีการระบาดทั้งผู้สูงอายุและผู้ดูแลควรเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านให้มากที่สุด แต่ญาติหรือผู้ดูแลที่ยังต้องออกไปนอกบ้านด้วยเหตุผลความจำเป็นต่างๆ ไม่ควรเข้าไปคลุกคลีกับผู้สูงอายุ ควรเว้นรักษาระยะห่าง และควรใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่เข้าไปพูดคุยกับผู้สูงอายุ รวมถึงลูกหลานที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในเดียวกัน ถ้าอาศัยหรือทำงานอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ในช่วงนี้ควรงดกลับมาเยี่ยมผู้สูงอายุ เพราะมีความเสี่ยงสูง
5. สุขภาพจิต : ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ผู้สูงอายุที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงไม่ควรออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น แต่การอยู่บ้านนานๆ ไม่ได้ออกไปทำกิจวัตรประจำก็อาจก่อให้เกิดความเครียดเกิดขึ้น รวมถึงการหยุดอยู่บ้านแล้วรับแต่ข่าวสารโควิด 19 ทุกๆ วัน อาจทำให้สภาพจิตใจหดหู่ ดังนั้นลูกหลานควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้สูงอายุรับข่าวสารที่มีผลกระทบต่อสภาพจิตใจ
6. กิจกรรมคลายเครียด : เพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องอยู่บ้านนานๆ มีสภาพจิตใจที่หดหู่ ดังนั้นจึงควรจัดหากิจกรรมที่ผู้สูงอายุชื่นชอบหรือมีความถนัด มาทำเพื่อคลายเครียด และหัวใจสำคัญคือกิจกรรมนั้นต้องสอดคล้องกับความชอบด้วย เพื่อจะได้สร้างความสุขและความเพลิดเพลิน เช่น ทำอาหาร เล่นดนตรี เล่นเกม วาดรูป อ่านหนังสือ ดูซีรีย์ ทำสวน ฯลฯ นอกจากนี้ถ้าลูกหลานมีเวลาก็อาจจะเข้ามามีส่วนในการทำกิจกรรมด้วย เพื่อทำให้จิตใจผู้สูงอายุมีความสุขมากขึ้น
7. ความสะอาด : ควรทำความสะอาดห้องนอนและของใช้ต่างๆ ภายในบ้าน ที่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อไวรัสโควิด 19 มักจะอยู่ตามของใช้ต่างๆ ให้สะอาด รวมถึงพยายามทำให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทได้สะอาด มีแสงแดดเข้ามาภายในบ้าน
8. สวมแมสก์เมื่อออกนอกบ้าน : หากมีความจำเป็นต้องออกจากบ้าน ต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน
และหากต้องไปในที่สาธารณะ งดให้ผู้สูงอายุสัมผัสจุดจับร่วม
เพื่อลดความเสี่ยงการได้รับเชื้อ
และหลังกลับมาจากนอกบ้านต้องทำความสะอาดร่างกายทันที
9. หลีกเลี่ยงการไปโรงพยาบาล
: ในกรณีที่ต้องออกไปตรวจสุขภาพและรับยาตามหมอนัด
อาจหลีกเลี่ยงด้วยการโทรปรึกษากับโรงพยาบาลหาวิธีที่คนไข้ไม่ต้องออกจากบ้าน เช่น
กรณีที่มารับยาตามปกติตามใบนัดแพทย์ อาจให้ทางโรงพยาบาลส่งยามาทางไปรษณีย์
หรือให้ลูกหลานไปรับแทนก็ได้ แต่ถ้ากรณีเจ็บป่วยหนักที่ต้องไปพบแพทย์
ก็ควรใส่หน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างจากคนอื่น รวมถึงล้างมือบ่อยๆ ในกรณีคนไข้ติดเตียงที่จำเป็นต้องพบแพทย์นั้น
ทางที่ดีควรโทรศัพท์ปรึกษาวิธีการรักษากับแพทย์ประจำดีกว่า
คิดว่า 9 วิธีปฏิบัตินี้
ถ้าทำอย่างเคร่งครัดก็จะสามารถดูแลผู้สูงวัยในครอบครัวให้ห่างจากโรคโควิด 19
ได้อย่างปลอดภัย เพื่อจะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง