ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายอดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอินเดียสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนอินเดียครองอันดับ 3 ของโลก (ข้อมูลล่าสุด 15 สิงหาคม 2563) พบรายงานผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เพิ่มสูงกว่า 6
หมื่นรายต่อวันติดต่อกัน ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 2.53 ล้านราย
เสียชีวิตแล้วเกือบ 5 หมื่นราย
โดยรัฐมหาราษฏระยังคงเป็นรัฐที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในอินเดีย (5.6 แสนราย) ตามมาด้วยรัฐทมิฬนาดู (3.2 แสนราย)
และรัฐอานธรประเทศ (2.64 แสนราย)
ปัญหาการแพร่ระบาดรุนแรงอย่างต่อเนื่องนี้ ได้กลายเป็นแรงกดดันทำให้รัฐบาลอินเดียประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศรอบใหม่ในหลายรัฐที่มีการระบาดรุนแรง ซึ่งมาตรการนี้ห้ามผู้คนออกนอกที่พัก ยกเว้นกรณีที่จำเป็น ขณะที่สถานศึกษา ร้านค้า ศาสนสถาน และหน่วยงานต่างๆ ปิดเกือบทั้งหมด
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทั้งนี้การใช้มาตรการล็อกดาวน์ในช่วงแรกเมื่อเดือนมิถุนายน
ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจอินเดียชะลอตัวและทำให้มีคนตกงานหลายล้านคน นายกรัฐมนตรีนเรนทรา
โมดี จึงประกาศยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์
แต่ท้ายที่สุดเมื่อปัญหารุนแรงก็ต้องกลับมาประกาศมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง
และยังไม่แน่นอนว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย
ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ กรุงนิวเดลี เปิดเผยรายงานธนาคารกลางอินเดีย ปรากฏว่า รายได้จากการส่งออกของอินเดียโดยรวม
(ทั้งภาคสินค้าและบริการ) ในเดือนเมษายน 2563-มิถุนายน 2563 มูลค่า 1.01 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
หดตัว 25.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านการนำเข้ามีมูลค่าประมาณ
8.931 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 45.10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้การค้าเกินดุล 1.170 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
หากแยกเฉพาะภาคการส่งออกสินค้าในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน
2563 มีมูลค่า 5.132 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
(3,890,162.7 ล้านรูปี) เมือเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
หดตัว 36.71% ขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 6.044 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (4,583,951.8 ล้านรูปี) เมือเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีมูลค่า 1.27 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 52.43%
ข้อมูลรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าอินเดียประจำเดือนมิถุนายน
2563 ในภาคสินค้าอินเดียมีมูลค่าการส่งออก 2.19 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และมีการนำเข้า 2.11 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เกินดุลการค้า 0.79 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นผลจากการคลายล็อคดาวน์เมื่อต้นเดือนมิถุนายน ทําให้การส่งออกดีขึ้น
แต่ผลจากการระบาดล่าสุดทำให้อินเดียต้องปิดประเทศอีกครั้ง
นาย Rahul Bajoria หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อินเดีย ณ สถาบัน Barclays แสดงความคิดเห็นว่า
สถานการณ์การส่งออกอินเดียที่ดีขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์ และเกินดุลครั้งแรกในรอบมากกว่า
10 ปี ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับการเติบโตของระบบเศรษฐกิจอินเดีย
ส่วนสถานการณ์การนำเข้าที่ยังคงไม่กระเตื้องขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงผลจากการล็อคดาวน์ต่ออุตสาหกรรมบางส่วน
ราคาสินค้าต่ำลง และอุปสงค์อ่อนแอ ตัวเลขการค้าเกินดุลคาดว่าจะไม่ต่อเนื่องไปตลอด
เนื่องจากเริ่มเห็นถึงอุปสงค์ในประเทศที่เริ่มเข้าใกล้ระดับปกติแล้ว
การนำเข้าจึงน่าจะสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้
นาง Aditi Nayar นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันจัดอันดับ ICRA กล่าวว่าเนื่องจากการฟื้นตัวของภาคนำเข้าที่ล่าช้า
จึงคาดว่าในด้านดุลการชำระเงินการค้าสินค้าจะขาดดุลลดลงเหลือ 10-12 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2564
แต่ความไม่แน่นอนในสถานการณ์เศรษฐกิจอาจจะส่งผลอย่างรุนแรงต่อการรับเงินโอนขาเข้าจากต่างประเทศ
(inward remittances) เมื่อหักลบกันแล้ว
คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลราว 14-16
พันล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2564
และอีกปัจจัยที่น่าจับตามอง คือกรณีพิพาทบริเวณพรมแดนจีน-อินเดีย
ที่ก่อให้เกิดกระแสต่อต้านการใช้สินค้า จากจีนอย่างรุนแรง
โดยระหว่างเดือนเมษายน-กุมภาพันธ์ ปีงบประมาณ 2562-2563
อินเดียนำเข้าสินค้าจากจีนคิดเป็นมูลค่าราว 62.38 พันล้านเหรียญสหรัฐ
หรือคิดเป็น 14% ของการนำเข้าทั้งหมด สินค้าที่นำเข้าจากจีนมากที่สุดได้แก่
เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์และชิ้นส่วน เครื่องจักรและชิ้นส่วน เป็นต้น
กระแสต่อต้านสินค้าจีนดังกล่าวก่อให้เกิดช่องว่างในระบบห่วงโซ่อุปทานในการผลิต
ทําให้เอกชนจากหลายภาคอุตสาหกรรมเร่งหาคู่ค้าจากประเทศอื่น
เพื่อนำเข้าสินค้าทดแทนสินค้าจากจีน
ซึ่งผู้ประกอบการไทยที่กําลังมองหาโอกาสขยายการค้าและการลงทุนมายังอินเดียควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจต่อไป
ประเด็นที่สำคัญไปกว่านั้นคือ การระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 ในอินเดียโดยเฉพาะในเมืองอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งกระทบต่อภาคการผลิตและการนำเข้า–ส่งออกในประเทศ จะทำให้อินเดียต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำลงอย่างแน่นอนในปีนี้ ด้วยเหตุนี้การค้าไทยอินเดียหลังจากนี้คงไม่สวยหรูและอาจย่ำแย่เหมือน 2 ไตรมาสแรกปี 2563 ตามข้อมูลตารางที่เรานำมาเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
“แทรกเตอร์-เครื่องจักรเกษตร” สบช่องส่งออกตลาดอินเดีย
จับตา! อินเดียลดนำเข้าสินค้าจีน จุดกระแสชาตินิยม-พึ่งพาตัวเอง