คนอินเดียขึ้นชื่อเรื่องการบริโภคของหวาน
เป็นความนิยมที่สืบทอดกันมานาน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลและพิธีการต่างๆ
ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบของการทำขนม และเบเกอรี่ ซึ่งวัตถุดิบที่มักขาดตลาดบ่อยๆ
คือ โกโก้ ทั้งในส่วนของเมล็ดโกโก้และผงโกโก้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปริมาณผลผลิตโกโก้จากทวีปแอฟริกาตะวันตกซึ่งเป็นผู้เพาะปลูกรายใหญ่ที่ลดลง
ในขณะที่การผลิตของอินเดียเองก็ยังทำได้จำกัด ทั้งปริมาณและคุณภาพ
นอกจากนี้ การจัดซื้อของผู้ผลิตช็อคโกแลตรายใหญ่ของโลก ก็เป็นปัจจัยต่อปริมาณโกโก้ในตลาดโลกด้วย ซึ่งเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้ผลิตช็อคโกแลตแบรนด์ Hershey ได้สั่งซื้อโกโก้ล่วงหน้าผ่าน ICE Futures Exchange เพื่อพยายามลดค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียให้กับพ่อค้าคนกลาง จึงส่งผลให้โกโก้ในอินเดียมีแนวโน้มขาดตลาดและราคาสูงขึ้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ด้านหน่วยงานกำกับดูแลด้านเม็ดมะม่วงหิมพานต์และโกโก้ของอินเดีย
(The Directorate of Cashewnut and Cocoa Development) ประเมินว่า
การเพาะปลูกโกโก้ในอินเดียปี 2562-2563 มีพื้นที่ประมาณ 5.43
แสนไร่ ได้ผลผลิตประมาณ 25,783 ตัน
เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 7.5% ซึ่งตอบสนองตลาดได้เพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณความต้องการในอินเดีย
ที่คาดว่ามีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยในช่วงปี 2561-2566 อยู่ที่
12% ส่งผลให้อินเดียยังคงต้องนำเข้าโกโก้ประมาณ 50-60%
ของปริมาณความต้องการต่อเนื่องมาแล้วหลายปี
ทั้งนี้
เพื่อเป็นการลดการพึ่งพาการนำเข้า รัฐบาลอินเดียได้พยายามที่จะส่งเสริมให้มีการขยายพื้นที่เพาะปลูกในภาคใต้ (รัฐ Andhra Pradesh, Kerala, Karnataka และ Tamil Nadu) โดยปลูกแซมในสวนยาง มะพร้าว ปาล์ม
และหมากให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มพื้นที่ปลูกให้ได้ถึง 6.87 แสนไร่ ภายในปี 2563 รวมทั้งจะยกระดับการแปรรูปให้มีคุณภาพเทียบเท่าโกโก้จากแอฟริกา
เพื่อเสริมรายได้ให้เกษตรกรและขยายตลาดการส่งออกให้มากขึ้น
ด้านศูนย์วิจัยตลาด IMARC Group ในอินเดีย
คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมขนมหวานของอินเดียในภาพรวม จะเติบโตเฉลี่ย 9.3% ต่อปีในช่วงปี 2562 – 2567 และจะมีมูลค่าถึง 1.2
หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2567 โดยพฤติกรรมการบริโภคขนม
/เบเกอรี่ของคนอินเดียภายหลังจากการเกิดโรคระบาด ได้เปลี่ยนไปเป็นการซื้อกลับบ้านมากขึ้น
และซื้อวัตถุดิบไปทำขนมทานเอง (Home-baking) รวมถึงมีแนวโน้มที่จะบริโภค
Dark Chocolate มากขึ้นด้วย ซึ่งเดิมมีสัดส่วนเพียง 10%
ของการบริโภคเท่านั้น ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นช็อคโกแลตนม(75%) ซึ่งมีแนวโน้มลดลงจากค่านิยมที่คำนึงถึงสุขภาพมากขึ้น
สำหรับโอกาสในการส่งออกโกโก้จากไทย
อินเดียนำเข้าเมล็ดโกโก้จากไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี
2561 เป็นมูลค่า 1.57 แสนเหรียญสหรัฐ
และเพิ่มขึ้นเป็น 3.62 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 ในอัตราขยายตัวสูงถึง 2,193%
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ
เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ให้ความเห็นว่า ไทยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 5 ของอินเดีย มีสัดส่วน 5.59% ของการนำเข้าทั้งหมด
รองจากคองโก อูกันด้า โกดิวัวร์ และเอกกวาดอร์ ในขณะที่อินเดียเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย
โดยในปี 2562 ไทยส่งออกเมล็ดโกโก้ไปอินเดียในปริมาณ 923
ตัน จากส่งออกทั้งหมดของไทยที่มีปริมาณ 926 ตัน
ทั้งจากสถิติการค้าและแนวโน้มความต้องการของอินเดีย
คาดว่าไทยจะสามารถขยายตลาดในอินเดียต่อไปได้ ในช่วงที่อินเดียยังคงยกระดับผลิตภาพการปลูกและอุตสาหกรรมการแปรรูปโกโก้
โดยในปัจจุบันเมล็ดโกโก้ในอินเดียมีราคาขายส่งอยู่ที่ประมาณ 75-80 บาท/กิโลกรัม
ขณะที่ในส่วนของผงโกโก้
ไทยยังไม่มีการส่งออกไปอินเดีย แต่พบว่ามีอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย
ครองตลาดอินเดียอยู่ในสัดส่วนเกือบ 85% ของการนำเข้าทั้งหมด จึงเป็นไปได้ว่าไทยอาจมีโอกาสแทรกตลาดได้บ้าง ซึ่งผู้นำเข้าอินเดียสามารถใช้สิทธิ์ยกเว้นภาษีนำเข้าเมล็ดโกโก้และผงโกโก้จากไทยได้
ภายใต้ ASEAN-India FTA
ในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโกโก้
ข้อมูลจาก Euromonitor ระบุว่ายอดขายช็อคโกแลตในอินเดียเมื่อปี
2562 มีมูลค่าประมาณ 1.68 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ขยายตัว 16% โดยการบริโภคช็อคโกแลตของคนอินเดียยังอยู่ที่ประมาณคนละ
1-2 ขีดต่อคนต่อปี ในขณะที่คนญี่ปุ่นบริโภคมากถึง 2 กิโลกรัม และ 5 กิโลกรัมต่อคนต่อปี สำหรับคนในทวีปยุโรป
ซึ่งรายงานของ Mintel คาดว่าตลาดช็อคโกแลตในอินเดียอาจมีมูลค่าถึง
3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนว่าตลาดโกโก้ในอินเดียน่าจะสามารถขยายตัวต่อเนื่องอีกหลายปี
ทั้งนี้รัฐบาลอินเดียก็ได้พยายามพัฒนาการแปรรูปเพื่อลดการนำเข้า
ทั้งที่เป็นช็อคโกแลต น้ำมันโกโก้ และเนยโกโก้ โดยมีผู้ผลิตรายสำคัญคือ Mondelez ซึ่งครองตลาดอยู่ 57% และคู่แข่งรายอื่นๆ
ได้แก่ DP Cocoa Products, Campco, Mason and Co., Naviluna, Pascati,
Kocoatrait, Soklet และ Paul and Mike
นอกเหนือจากช็อคโกแลตทั่วไป
ผู้ผลิตไทยควรทดลองนำผลไม้อบแห้งไปใช้เป็นไส้ของช็อคโกแลตด้วย อาทิ เงาะ ลำไย
สับปะรด และทุเรียน ซึ่งพบว่าในปี 2562 อินเดียนำเข้าช็อคโกแลตในกลุ่มนี้จากไทยเป็นมูลค่า 1.63 แสนเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 123% จากปีก่อนหน้า โดยไทยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับที่
22 ในสัดส่วนเพียง 0.21% เท่านั้น ในขณะที่สิงคโปร์และมาเลเซียเข้าไปเจาะตลาดและเป็นแหล่งนำเข้า
top 10 ของอินเดียแล้ว
นอกจากนี้ผู้ผลิตนมและไอศกรีมของไทย อาจนำโกโก้มาใช้ทำไอศกรีมช็อคโกแลตเพื่อส่งออกไปอินเดียด้วย
ซึ่งเป็นสินค้าที่สามารถใช้สิทธิ์ยกเว้นภาษี ภายใต้ ASEAN-India FTA โดยในปี 2562 ไทยเป็นแหล่งนำเข้าไอศครีมอันดับ
1 ของอินเดีย ด้วยสัดส่วน 72.3% ขยายตัว
55% จากปีก่อนหน้า ตามด้วย UAE ฝรั่งเศส
และ สวิตเซอร์แลนด์ ทั้งนี้ในปัจจุบันยังมีผู้ผลิตและส่งออกไอศกรีมจากไทยมายังอินเดียเพียงไม่กี่ราย
อย่างไรก็ตาม ทางเลือกในตลาดยังไม่มากเท่าที่ควร ดังนั้นผู้ประกอบการที่มีความพร้อมควรพิจารณามาลงทุนในอินเดียด้วย โดยเฉพาะการร่วมลงทุนกับผู้ผลิตนม และน้ำตาลในอินเดีย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง โดยสามารถนำเมล็ดโกโก้จากไทยมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงร้าน/แฟรนไชส์ที่ให้บริการเครื่องดื่มและของหวานได้ด้วย
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
ประตู RCEP เปิดไทยสู่โลกการค้า 15 ประเทศ
โอกาส SMEs พัฒนาผลิตภัณฑ์กระชายดำเจาะตลาดโลก