ภายใต้ความตื่นตัวต่อการขาดแคลนอาหารในอนาคต
การพัฒนาด้านนวัตกรรมอาหารที่ปลอดภัยและยั่งยืน จึงเป็นเมกะเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ถึงกับมีการประเมินว่าจะมีการขาดแคลนอาหารในหลายพื้นที่ทั่วโลก
อันเนื่องจากการระบาดของโรคและมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้หลายประเทศปิดพรมแดนไม่อนุญาตให้เดินทางผ่านเข้าออก
ทุกวันนี้แม้จะไม่ถึงกับขาดแคลนอาหาร แต่ทั่วโลกก็ตะหนักชัดกว่าเดิมแล้วว่า
การมีอาหารที่พึ่งพาตนเองได้สำคัญมากในช่วงที่ทั่วโลกเกิดวิกฤติ
ด้วยเหตุนี่ภาคเกษตรผู้ผลิตอาหาร จึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนของอาหาร โดยปัจจุบันได้มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพื่อพัฒนาผลผลิตให้สูงขึ้นและเพียงพอต่อความต้องการ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ขณะที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์นับเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมพัฒนาภาคเทคโนโลยีการเกษตร
(Agri-tech sector)
และอาหารที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ด้านการเกษตรฉบับใหม่ระหว่างปี
2565 – 2568 ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงาน
Agroscope ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยด้านการเกษตรระดับสหพันธรัฐ
เพื่อส่งเสริมให้สวิตฯ เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ (smart farming)
โดยเฉพาะการเก็บรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเกษตร
และตั้งเป้าหมายในการเป็นผู้นำการให้บริการคำปรึกษาในสาขา smart farming ของโลกต่อไป
ทั้งนี้มีนวัตกรรมด้านการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเกษตรต่างๆ ที่น่าสนใจ
ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Startup
ในสวิตฯ
อาทิเช่น
การใช้เทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะของบริษัท Gamaya
บริษัท Gamaya ซึ่งเป็นบริษัท
Startup ของสวิตฯ
ได้พัฒนาและให้บริการการเก็บข้อมูลภาพที่มีความแม่นยำสูงโดยใช้เทคโนโลยีเก็บภาพแบบ
Hyperspectral
(Hyperspectral imaging technology) รวมทั้งการใช้ซอฟท์แวร์ที่มีลักษณะเฉพาะในการวิเคราะห์
โดยมี 3 ขั้นตอน
คือ
- การเก็บภาพโดยใช้กล้องแบบ Hyperspectral ที่มีขนาดเล็ก (ultracompact) (ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว)
ซึ่งสามารถจับแสงได้ถึง 40
แถบแสง
ทำให้สามารถเก็บข้อมูลความสมบูรณ์ของพื้นที่เพาะปลูกเพื่อนำไปบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตต่อไป
- การใช้เครื่องจักรเพื่อการเรียนรู้ (machine learning) และปัญญาประดิษฐ์
(AI) ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลด้านการเกษตรที่มีความแม่นยำสูง
โดยใช้ซอฟท์แวร์ในการแปลข้อมูลดิบที่เก็บจากภาพถ่ายไปวิเคราะห์/ตรวจสอบเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป
- ฐานข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อการเพาะปลูกและข้อมูลแนวทางการเพาะปลูกในระดับท้องถิ่น
เพื่อพัฒนาสู่ฐานข้อมูลการเกษตรระดับโลก
ทั้งนี้เทคโนโลยีการเก็บภาพของบริษัท Gamaya มีหลายรูปแบบ
ขึ้นอยู่กับสภาพของพื้นที่ทำการเกษตรเป็นหลัก อาทิ
การใช้โดรนติดกล้องที่สามารถถ่ายภาพที่แสดงแถบสีต่างๆ
ตามสภาพของพืชผลและพื้นที่เพาะปลูกจากการสะท้อนของแสง
ซึ่งแต่ละแถบสีจะสามารถตรวจสอบและบ่งบอกถึงสภาวะต่างๆ อาทิ การตรวจหาศัตรูพืช
การติดโรคของพืช และการขาดโภชนาการของพืช
โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้จำหน่ายเทคโนโลยีดังกล่าวในบราซิล
ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายรวมทั้งสหรัฐอเมริกา
เนื่องจากเป็นประเทศที่ทำการเพาะปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี
Smart farming โดยเฉพาะการใช้โดรนและการเก็บภาพจากดาวเทียม
นอกจากนี้ในปี 2562 บริษัทฯ
ได้ร่วมงานกับบริษัท Mahindra
& Mahindra’s Farm Equipment Sector (FES) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือการเกษตรขนาดใหญ่ของอินเดีย
ในการพัฒนาเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลด้านเกษตรซึ่งใช้เงินลงทุนจำนวน 4.3 ล้านฟรังก์สวิส
การเก็บข้อมูลจาก biosignal โดยการติดเซนเซอร์ของบริษัท
Vivent SARL
บริษัท Vivent SARL ซึ่งเป็นบริษัท
Startup ของสวิตฯ
ตั้งอยู่ในรัฐโว ก่อตั้งขึ้นในปี 2555 ได้ริเริ่มพัฒนาการเก็บข้อมูลโดยการติดเซ็นเซอร์กับลำต้นของพืช
(เช่น มะเขือเทศในห้องเรือนกระจก) เพื่อจับสัญญาณ bio-signal ของพืชโดยคลื่นสัญญาณไฟฟ้าความถี่สูง
(high frequency
electrical signals) เพื่อเก็บข้อมูลสัญญาณต่างๆ
ในแต่ละช่วงเวลา
ซึ่งสามารถจับสัญญาณได้ความตึงเครียดหรือความสุขของพืชที่ได้รับสิ่งกระตุ้นที่ทำให้พืชออกผลิตผลได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้เซนเซอร์ที่นำไปติดบนพืชเพื่อตรวจจับและบันทึกคลื่นสัญญาณ
biosignals (คล้ายกับระบบซอฟท์แวร์การจดจำเสียงอัตโนมัติ
– automatic voice
recognition) จากนั้นจะแปลคลื่นสัญญาณดังกล่าวด้วยระบบ AI ซึ่งการวิเคราะห์คลื่นสัญญาณจากพืชจะช่วยให้สามารถตรวจสอบสภาพการเพาะปลูกต่างๆ
อาทิ พืชกำลังถูกรุกรานหรือถูกกินโดยแมลงต่างๆ
การติดเชื้อราและการขาดโภชนาการของพืช
โดยข้อมูลดังกล่าวจะช่วยให้ผู้เพาะปลูกหรือเกษตรกร สามารถดำเนินการดูแลและจัดการกับพืชและพื้นที่เพาะปลูกของตนได้อย่างเหมาะสมต่อไป
อีกกรณีศึกษาที่น่าสนใจ คือนักวิทยาศาสตร์และนักศึกษาวิศวกรรมจากสถาบันเทคโนโลยี
ETH นครซูริก
อยู่ระหว่างดำเนินการประดิษฐ์หุ่นยนต์เพื่อช่วยในการเพาะปลูก
โดยหุ่นยนต์ดังกล่าวจะสามารถเข้าไปตรวจพื้นที่เพาะปลูกเพื่อตรวจหาและทำลายศัตรูพืช
เช่น วัชพืชและแมลงต่างๆ ทั้งนี้จะมีการทดลองใช้หุ่นยนต์ดังกล่าว ณ
สถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ด้านพืชของสถาบันฯ เมือง Eschikon (ตั้งอยู่นอกเมืองซูริก)
โดยคาดว่าจะมีการสร้างหุ่นยนต์ต้นแบบเสร็จในช่วงเดือน พ.ค. หรือ มิ.ย. 2563
เห็นได้ชัดว่าวงการเกษตรสมัยนี้ ได้มีการพัฒนาไปถึงขั้นสามารถผสานกันเทคโนโลยีทุกอย่างได้อย่างกลมกลืน แม้แต่การให้หุ่นยนต์เพื่อทำการเกษตรแทนมนุษย์
ไม่ยึดติดการภูมิปัญญาเก่าก่อนที่แม้จะได้ผล
หากมองในอีกมุมหนึ่งคือไม่มีความคิดในการต่อยอดเพื่อสร้างสิ่งใหม่ที่ดีกว่า
ไปสู่การทำเกษตรสมัยใหม่ ที่สามารถสร้างความมั่นคงและยั่งยืนด้านอาหารได้เพียงพอต่อประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
แหล่งอ้างอิง : www.globthailand.com
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น