การทำธุรกิจยุค 4IR หรือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4
ธุรกิจที่มีความคล่องตัวปรับตัวได้เร็วก็มีสิทธิ์ล้มยักษ์ได้
จะเห็นว่าผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่รายหลายต้องพลาดท่าให้กับบรรดาสตาร์ตอัพที่เพิ่งเกิดใหม่
อย่างกรณีของ แกร็บ อูเบอร์ที่มาดีสทรัปบริการรถแท็กซี่ เป็นต้น
ดังนั้นการทำธุรกิจทุกวันนี้ไม่ใช่แค่มีป่านยาวแต่ต้องบอกว่าหัวใจของธุรกิจอยู่ที่ “นวัตกรรม”ซึ่งเป็น เครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจยั่งยืน แต่จะสร้างนวัตกรรมไม่ใช่เรื่องง่ายๆต้องเริ่มจากเปลี่ยน mindset ตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงคนในองค์กรจะองค์กรเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ แต่ต้อง “ลงมือทำให้เร็ว” ทำทันที
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
เมื่อเร็วๆ นี้ Alexander
Osterwalder ผู้คิดค้นโมเดลธุรกิจ Canvas กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ “Corporate
Innovation Summit 2019” จัดโดย “RISE” สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร
ว่าการสร้างนวัตกรรมขององค์กรส่วนใหญ่ยังมีจุดอ่อนคือ ยังยึดติดกับรูปแบบธุรกิจและความสำเร็จเดิม
ๆ โดยใช้วิธี“ต่อยอด”สิ่งที่มีอยู่ เช่นเน้นลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งสุดท้ายก็ยังเจอช่วงขาลงของธุรกิจที่ยอดขายอิ่มตัว
เสี่ยงถูกกำจัดจากโลกธุรกิจได้ง่ายๆ
ดังนั้น การจะสร้างนวัตกรรมใหม่ได้
องค์กรต้องเปลี่ยนการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจที่มี ต้อง “กล้าเสี่ยง” ทดลองและลงทุนในไอเดียนวัตกรรมใหม่
ๆ เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจอยู่เสมอ ซึ่ง “Venture Capital” เป็นตัวช่วยค้นหากลุ่มธุรกิจใหม่ที่เป็นเครื่องมือสร้างรายได้ในอนาคต
อย่างกรณีของ “Nestle” ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม ลงทุนโครงการใหม่ ๆ ถึง 250
โครงการ เฉลี่ยโครงการละ 1.5 แสนเหรียญสหรัฐ (4.8 ล้านบาท) ซึ่งมีแค่ 1
โครงการอย่าง “Nespresso” เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ
สร้างรายได้ถล่มทลาย กลายเป็นธุรกิจใหม่ที่เติบโตสูง
แต่ก็ยังไม่หยุดจะลงทุนโครงการใหม่ต่อ หรือการฉีกไปสร้างธุรกิจใหม่ของ
“ฟูจิฟิล์ม” ไปสู่ “ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว”
ซึ่งเกิดขึ้นจากการนำความเชี่ยวชาญด้านเคมีที่มีอยู่มาพัฒนาแบบนอกกรอบ
อย่างไรก็ตามอย่าหลงเข้าใจว่าผิดคิดว่า
นวัตกรรมต้องเป็นสินค้าหรือบริการเท่านั้น
เพราะธุรกิจนำนวัตกรรมมาใช้ได้ทั้งการบริหารจัดการ “คน-เงิน-การผลิต”
รวมถึงลูกค้าแต่ถ้าจะใช้พัฒนาเป็นสินค้าหรือบริการ ต้องตั้งคำถามเสมอว่า เป็นที่ต้องการของตลาดจริงหรือไม่
สามารถทำได้จริงแค่ไหน และจะอยู่รอดได้จริงไหม
หลักคิดสำคัญ คือ “ไอเดีย”
มีอยู่ทุกที่ แค่เปิดหูเปิดตาพร้อมเรียนรู้ แต่ก็ต้องมี
“สติและใช้เงินลงทุนให้เหมาะสม” อย่าเทหมดหน้าตัก
รวมถึงอย่าลืมนำบทเรียนจากการเสี่ยงครั้งก่อนไปเป็นประสบการณ์ในครั้งถัดไปด้วย
ด้าน “Arnaud Bonzom” ผู้ร่วมก่อตั้ง Map of the Money ที่ย้ำว่า “กล้าเสี่ยง”คือ ทางออกที่ดีที่สุดของธุรกิจในการแสวงหาความสำเร็จ ทั้งมองว่า “พาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ” คือ วิธีที่ดีที่สุดในการขยายธุรกิจยุค 4IR นี้ เพราะใช้เงินลงทุนต่ำและมีความเสี่ยงต่ำ โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ กับสตาร์ตอัพ ซึ่งเป็นแนวทางที่ win-win ทั้งคู่ แต่องค์กรใหญ่ต้องปรับมุมมองใหม่ ยกเครื่องทางความคิดใหม่ เพื่อให้ทำธุรกิจกับบริษัทเล็ก ๆ ได้ง่ายขึ้น
“นวัตกรรมของธุรกิจขนาดเล็กอาจมีความเป็นไปได้สูงที่จะขับเคลื่อนบริษัท
บางทีกลยุทธ์เด็ด ๆ อาจไม่ได้เกิดจากคลังสมองในบริษัทใหญ่
หรือสำนักงานใหญ่เท่านั้น อย่างกรณีของ Microsoft,
Dtac และ Allianz ก็เกิดจากแนวคิดเล็ก
ๆ ในประเทศตัวเอง ก่อนขยายเป็นแบรนด์ใหญ่ระดับโลก”
ด้าน “Lionel Sinal-Sinelnikoff” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท Ascent ตอกย้ำอีกว่า ธุรกิจสตาร์ตอัพจะเติบโตได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องย้อนกลับไปตรวจสอบทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นทุกครั้งที่เกิดข้อผิดพลาด หรือล้มเหลว แต่ถ้าจะเดินตามบริษัทใหญ่ ๆ ที่ประสบความสำเร็จแล้วไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใดแต่จะต้องรู้ความต้องการและความพึงพอใจของตัวเอง โดยยึด 3 หลักสำคัญคือ การวิเคราะห์ การบริหารจัดการ และการป้องกัน และสำหรับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการดึงคนรุ่นใหม่ หรือสตาร์ตอัพเข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง สานต่อความยั่งยืน
ขณะที่ “ภาครัฐ”
เป็นอีกกลไกสำคัญที่จะส่งเสริมนวัตกรรม “Jonathan Lim” Director,
Startup & Global Innovation Alliance. Enterprise Singapore เล่าให้ฟังถึงกรณีของรัฐบาลสิงคโปร์ที่เชื่อมั่นอย่างมากว่า
หากสิ่งใดที่ภาคเอกชนหรือกลไกตลาดทำได้ดีอยู่แล้ว ภาครัฐไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย
หน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐคือการเข้าไปแก้ไขช่องว่างในระบบนิเวศบางอย่างที่เอกชนไม่ทำ
ซึ่งอาจเป็นเพราะต้องลงทุนสูงหรือมีความเสี่ยงในการลงทุน
รวมถึงการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจ
หรือสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ
ตัวอย่าง เช่น
การพัฒนาเทคโนโลยีด้านการแพทย์ ซึ่งเอกชนใช้เวลา 5-10 ปี ในการนำผลิตภัณฑ์ประเภท MedTech เข้าสู่ตลาด
เนื่องจากมีกฎระเบียบยุ่งยากทั้งยังมีความเสี่ยงในการลงทุนสูง ดังนั้น
ภาครัฐจึงเข้ามาช่วยสนับสนุนในส่วนที่จำเป็น
ภาครัฐต้องสนองตอบต่อความต้องการและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้วยการสร้างความมั่นใจว่า กฎระเบียบของภาครัฐจะไม่เป็นอุปสรรคสกัดกั้นการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ๆจากไอเดียของสตาร์ตอัพที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจหรือต่อสาธารณะ