Insurtech สตาร์ทอัพสายประกันภัยรูปแบบใหม่ที่มีการนำเอาประกันภัยมาผนวกเข้ากับเทคโนโลยี
AI, Chatbot, loT และ
Big Data เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาและทำให้เกิดประโยชน์ในการให้บริการลูกค้า
ไปจนถึงการเสนอขายสินค้าด้านประกันภัย ผ่านโปรแกรมที่ช่วยคิดคำนวณออกแบบแผนการทำประกัน
ให้เหมาะสมครอบคลุมความต้องการของลูกค้าได้แบบเจาะจงลงลึกมากขึ้น
นับเป็นรูปแบบที่ผนวกเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยตอบโจทย์การทำธุรกิจประกันให้มีความทันสมัย ภายใต้การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่กำลังกลายเป็นเทรนด์นิยมในการทำธุรกิจประกันภัยช่วง 3-4 ปีก่อนจนถึงปัจจุบัน ได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้กับธุรกิจประกันภัยกันอย่างแพร่หลาย โดยมีบริษัทประกันหลายแห่งทั่วโลกลงทุนร่วมมือกับบริษัท Startup เพื่อใช้เทคโนโลยีมาเปลี่ยนวงการประกันภัย ดำเนินการโดยคนรุ่นใหม่เพื่อตอบรับการชีวิตของคนรุ่นใหม่รวมไปถึงพฤติกรรมในยุค New Normal ด้วย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ส่องเทรนด์ Insurtech
ปัจจุบันมีนักลงทุนทั่วโลกลงทุนในสตาร์ทอัพเกี่ยวกับประกันภัยมากกว่า
700 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 23,000 กว่าล้านบาท
ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ในผลิตภัณฑ์ประกันภัยสำหรับคนรุ่นใหม่วัย millennial เพื่อรักษาดูแลให้ถึงที่สุด เน้นการให้บริการในกรณีฉุกเฉินสามารถช่วยเหลือได้ทันเวลา
ให้บริการได้ถูกจุด ฉับไว โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในงานประกันภัยจะช่วยย่นระยะเวลาในการยื่นเรื่อง
ติดต่อ เคลมประกันไปจนถึงการติดตามเรื่องไปตามลำดับขั้นตอน
ทำให้เปลี่ยนปรับโฉมไปมากจากอดีต ที่ลูกค้าหรือผู้ซื้อประกันต้องมานั่งรอให้พนักงานคิดเบี้ยประกัน
คอยโทรติดตามเช็คเรื่องในการยื่นเอกสารไป-มา บางครั้งต้องใช้เวลานานกว่าจะได้บทสรุปที่เข้าใจ
การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้จึงช่วยตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ
เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจด้วยตัวเองได้ง่าย
ในส่วนของประเทศไทยได้มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับธุรกิจประกันภัยกันมากขึ้น
เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลและตอบรับ New Normal ที่กำลังเข้ามา ทำให้เกิดความสะดวก ง่ายดายและรวดเร็ว ทำผู้คนสามารถเข้าถึงการชื้อ-บริการได้ทุกที่ทุกเวลา
เมื่อจ่ายเงินเสร็จก็รับกรมธรรม์ความคุ้มครองได้ทันที ซึ่งเคยมีการประมาณการณ์ไว้ในช่วงที่
Insurtech เข้ามาในประเทศไทยใหม่ๆ ว่าในอนาคตประมาณ 5-10 ปีข้างหน้า
จะมีบริการซื้อขายประกันภัยออนไลน์ผ่านช่องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว
โดยอาจจะไม่มีคอลเซ็นเตอร์ไว้คอยตอบรับหรือบริษัทฯ
ประกันอาจเลือกใช้เทคโนโลยี เช่น Chatbot และ AI เข้ามาให้การบริการลูกค้าแบบ 100% แทน
ซึ่งเรื่องนั้นได้เกิดขึ้นแล้วในวงการประกันภัยของประเทศไทยในขณะนี้ จากเทคโนโลยีที่มาเร็วและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
รุก Insurtech ด้วยเทคโนโลยี TIC The Surveyor ครั้งแรกในเมืองไทย
ล่าสุดไทยประกันภัยได้มีการเปิดตัวเทคโนโลยี
TIC The Surveyor (ทีไอซี เดอะ เซอร์เวย์เยอร์) รุกตลาด
insurthai เป็นเจ้าแรกของเมืองไทยกันแล้ว
โดยเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาช่วยให้บริการรับแจ้งเคลม-สำรวจภัยรถยนต์ออนไลน์ครบ Journey
แบบ Real-Time ครั้งแรกในไทย
ตอบโจทย์ความสะดวก รวดเร็ว และทันสมัยด้วยระบบดิจิทัล พร้อมให้บริการลูกค้า 24
ชั่วโมง ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ประกันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป"
ดร.มหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
แพลตฟอร์มดิจิทัล TIC The Surveyor ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้แก่ลูกค้า, ทีมสำรวจภัยและพนักงาน พร้อมลดขั้นตอนความยุ่งยากของกระบวนการแจ้งเคลม และลดการจัดทำเอกสารรูปแบบเดิมๆ
สู่การบริการรูปแบบใหม่ที่ลูกค้าสามารถ "แจ้ง-จอง-จ่าย ออนไลน์ 100%"
ด้วยประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มนี้ จะทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น
สอดคล้องในเรื่อง Customer-Centric ที่ถือเป็นนโยบายหลักของบริษัทฯ
โดย TIC The Surveyor เป็นมิติใหม่ของประกันภัยไทยสู่ดิจิทัล
มีบทบาทหลัก คือ
- รับแจ้งเหตุ Online ลูกค้าสามารถแจ้งเคลมผ่านไลน์ง่ายๆ แค่คลิก ณ
จุดเกิดเหตุ
- e-Claim
Form ระบบอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าและคู่กรณี รับ e-Claim
Form ทันที
- อู่ Online
ลูกค้าสามารถจอง และตรวจสอบอู่ในเครือแบบ Online ได้ทันที
- ตรวจสอบ Status Online ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะการซ่อมได้แบบ Real-Time
- จัดการข้อมูล Online บริษัทสามารถบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าได้แบบ Real-Time
- Dashboard
Real-Time ห้องรับแจ้งสามารถบริหารจัดการข้อมูลการเคลมทั่วประเทศแบบ
Real-Time
TIC The Surveyor เป็นเทคโนโลยี
Solution ที่จะช่วยแก้ Pain Point ให้ลูกค้าได้ตรงจุด
จากเดิมที่ลูกค้าไม่ว่าจะทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันรถยนต์ชั้น 2+
หรือประกันรถยนต์ชั้น 3+ เมื่อแจ้งเหตุและเริ่ม Process เรื่องการซ่อม
ลูกค้าจะไม่สามารถรู้สถานะความคืบหน้างานว่ารถของลูกค้าได้รับการซ่อม On
Going ไปกี่เปอร์เซ็นต์ ทำให้ต้องคอยโทรเช็คกับอู่ ก่อให้เกิดความกังวลใจระหว่างรอซ่อม
แพลตฟอร์ม TIC The Surveyor จึงเป็นฟังก์ชั่นตรวจสอบ Status Online ที่โดดเด่นแบบสามารถรายงานได้แบบ
Real-Time ตั้งแต่เริ่มซ่อม อยู่ระหว่างซ่อม ใกล้ซ่อมเสร็จ
และซ่อมเสร็จ ช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนการมารับรถกับอู่ในเครือได้สะดวกยิ่งขึ้น
นอกจาก TIC The Surveyor จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการข้อมูลการเคลมทั่วประเทศแบบ
Real-Time แล้ว ยังสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าผ่านข้อมูลที่ได้รับ ทำให้เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
และนำไปต่อยอดเพื่อเพิ่มบริการ แก้ปัญหา และพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ
สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์และบริการแบบ "ถูกใจ ถูกที่
ถูกเวลา" และยังเปิดให้มีห้องรับแจ้งเหตุที่จะสามารถเห็นทุกการเคลื่อนไหวของทั้งลูกค้าและเจ้าหน้าที่สำรวจภัยผ่าน
Google Maps แบบ Real-Time ตามเวลาเป้าหมายที่กำหนดในการให้บริการเคลมแต่ละครั้ง
Insurtech ช่วยตอบโจทย์อะไรให้คนยุค
New Normal
จะเห็นได้ว่าการนำเทคโนโลยีเข้ามาทำงานร่วมกับประกันภัยนั้น
ทำให้ธุรกิจและงานบริการลื่นไหลไปได้อย่างต่อเนื่องและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไปได้ตรงจุด
ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีที่มีการนำมาใช้ในขณะนี้จะยังไม่สามารถไปได้ไกลถึงขั้นใช้หุ่นยนต์หรือโดรนทำงานแทนเจ้าหน้าที่ในขั้นตอนการเคลมประกัน เพื่อช่วยลดเวลาที่ต้องเสียไปในการรอเจ้าหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์ฝ่าการจราจรอันติดขัดมาหาได้ก็ตาม
แต่คาดว่าจะเกิดเทคโนโลยีดังกล่าวขึ้นในวงการประกันภัยแบบ
Insurtech พร้อมกับสัญญาณการบริการ
5G แบบเต็มรูปแบบในเมืองไทยในอีกไม่นาน เพราะปัจจุบันได้เห็นแล้วว่า
Insurtech ได้เข้ามาช่วยตอบโจทย์การทำธุรกิจประกันภัยผ่านเทคโนโลยีสมองกล
AI,
Chatbot, loT และ Big Data ที่ทำงานประสานกันจนออกมาเป็นโปรแกรมหรือระบบที่นำมาใช้
รองรับตอบโจทย์ธุรกิจได้ดีในเรื่องเหล่านี้ การเลือกซื้อ การขายและการบริการ
การพิจารณารับประกัน และการเคลมได้ดี
นอกจากนี้
Frank.co.th บริษัทประกันออนไลน์ในไทย
ได้มีการประเมินการทำธุรกรรมประกันภัยแบบ Insuretech ไว้ด้วยว่า
ในอนาคตบริษัทประกันภัยจะใช้ข้อมูลส่วนตัวในโซเชียลมีเดียมาวิเคราะห์หาข้อมูล เพื่อคิดเบี้ยประกันให้เหมาะสมกับลักษณะนิสัย
พื้นที่การขับรถ ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน เพื่อออกแบบประกันภัยให้ออกมาได้ตอบโจท์คนแต่ละกลุ่มได้ตรงใจ
เช่น มีการใช้รถอย่างไร ควรมีความคุ้มครองแบบไหน เบี้ยประกันต้องเป็นแบบใด
ซึ่งจะทำให้ได้แพ็คเกจบริการที่ดึงดูดใจคนได้มากขึ้น
ในเรื่องของเบี้ยประกันที่ไม่เป็นเรทตายตัว แต่ละคนมีราคาไม่เท่ากัน โดยอาจพิจารณาดูจากประวัติการขับขี่
เช่น ไม่เคยชน ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ มีสุขภาพดี ไม่เคยมีประวัติการเจ็บป่วยเรื้อรังทางกรรมพันธุ์
หรือการใช้ชีวิตไม่นำมาสู่ความเสี่ยงในการเกิดโรคร้าย ทำให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันในราคาที่สูงเหมือนกลุ่มคนที่เสี่ยงได้ด้วย.
แหล่งอ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/773496
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/773496
https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=aW80ZXFkQnpnQjg9