เกาะติด "ธุรกิจอุปกรณ์ไอที" ดาวรุ่งของเวียดนาม

ในขณะที่ทุกประเทศกำลังโฟกัสที่การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส 19 แต่เวียดนามกำลังเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จนเติบโตอย่างเงียบๆ ในปีที่ผ่านมามียอดส่งออกสินค้ากลุ่มนี้มูลค่าถึง 96,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 34% ของการส่งออกทั้งหมด ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของเวียดนามเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ที่เติบโตแซงหน้าสินค้าเครื่องนุ่งห่มไปแล้ว

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ประจำกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เปิดเผยรายงานล่าสุดของ Economist Intelligence Unit (EIU) ซึ่งเป็นกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ของสหราชอาณาจักรที่ระบุว่า ขณะนี้เวียดนามเป็นศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกที่ขึ้นนำแซงหน้าจีนและอินเดียไปแล้ว ด้วยเหตุที่เวียดนามมีต้นทุนต่ำและมีนโยบายดึงดูดการลงทุนมากขึ้น ทั้งยังมีการลงนามความตกลงเปิดเขตการค้าเสรีหลายฉบับที่ทำให้เวียดนามมีความได้เปรียบเรื่องการส่งออก จึงเป็นแรงดึงดูดให้บริษัทจากต่างประเทศเข้าไปลงทุนจัดตั้งโรงงานในเวียดนามมากขึ้น

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

โดยย้อนไปเมื่อปี 2563 ช่วงกลางปี บริษัทซัมซุงผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของเกาหลี ได้เข้าไปลงทุนตั้งโรงงานสมาร์ทโฟนในเวียดนาม 2 แห่งในจังหวัดทางภาคเหนือ (จังหวัด Bac Ninh และจังหวัด Thai Nguyen) และยังมีโรงงานผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอีก 4 โรงงาน รวมเม็ดเงินลงทุนประมาณ 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ปัจจุบันสมาร์ทโฟนของซัมซุงผลิตมาจากฐานผลิตของเวียดนามมากกว่า 60%

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564 เวียดนามอนุญาตให้บริษัท Foxconn จากไต้หวันเข้าไปสร้างโรงงานที่จังหวัด Bac Giang ทางตอนเหนือ เพื่อผลิตแล็ปท็อปและแท็ปเล็ตกำลังการผลิต 8 ล้านเครื่องต่อปี ด้วยเงินลงทุน 270 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ Foxconn ถือเป็นผู้ผลิตรายสำคัญของกลุ่ม Apple ที่ได้ลงทุนไปแล้ว 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเวียดนามเฟสแรก และกำลังจะขยายการลงทุนเพิ่มอีก 700 ล้านเหรียญสหรัฐ สามารถจ้างงาน 10,000 คน ในปี 2564 มีแผนจะย้ายโรงงานจากจีนมายังเวียดนาม ตามคำร้องของ Apple ซึ่งบริษัทกำลังมีแผนการลงทุนในจังหวัด Than Hoa ในตอนกลางของเวียดนามอีก 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการขยายโรงงาน Foxconn ในเวียดนามจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมไฮเทคในเวียดนามในอนาคต

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบริษัทพานาโซนิคที่ตัดสินใจย้ายฐานการผลิตเครื่องซักผ้าและตู้เย็นจากไทย ไปรวมเป็นฐานประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าในเวียดนามด้วย และทางบริษัท Intel จากสหรัฐที่ได้เข้าไปลงทุนในเวียดนาม 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นับตั้งแต่ที่ลงทุนไปเมื่อปี 2549 เพื่อผลิตชิพ ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมาก็ได้มีการขยายการลงทุนเพิ่มอีก 475 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รองรับระบบ 5G

ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เวียดนามก้าวกระโดดจนสามารถขึ้นเป็นผู้ผลิตที่มีส่วนแบ่งตลาดชิพกว่า 11% ของตลาดโลก ซึ่งไทยเองจะได้รับประโยชน์หากสามารถส่งออกสินค้ากลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปยังประเทศเวียดนาม

รวมถึงหากผู้ประกอบการไทยมองถึงโอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์สร้างพันธมิตรและต่อยอดขยายการลงทุนเข้าไปในเวียดนาม เพราะเวียดนามยังมีนโยบายเปิดกว้างสนับสนุนการลงทุนจากทั่วโลก ให้เข้ามาตั้งฐานผลิตในเวียดนาม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สนับสนุน เช่น การผลิตแผงวงจรไฟฟ้า แผงวงจรพิมพ์ และชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น เพื่อขับเคลื่อนให้เวียดนามเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่มูลค่าอุตสาหกรรมนี้ในระดับโลก

สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<