เจ๊เค็ง ฟู้ดส์ ปั้นแบรนด์กุนเชียงตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่
ถ้ากล่าวถึงแหล่งผลิตกุนเชียงขึ้นชื่อ และได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทยย่อมหนีไม่พ้นพื้นที่ของอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีแบรนด์กุนเชียงชื่อดังอยู่มากมาย แต่กลุ่มในแบรนด์กุนเชียงระดับแถวหน้านั้น ย่อมมีชื่อของ ‘เจ๊เค็ง’ แบรนด์ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากมุมมอง และวิสัยทัศน์ที่ต้องการก้าวไปข้างหน้า เห็นตลาดและโอกาสจากประสบการณ์ ทำให้เกิดเป็น บริษัท เจ๊เค็ง ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตกุนเชียงอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
.
คุณสายสุนีย์ เหลืองจารุ ผู้ก่อตั้ง บริษัท เจ๊เค็ง ฟู้ดส์ จำกัด ได้มาเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจกุนเชียงว่า ในตอนแรกนั้นครอบครัวทำเขียงหมูอยู่ในตลาด และได้ทดลองนำหมูที่ขายไม่หมดในแต่ละวัน มาแปรรูปเป็นกุนเชียง โดยพัฒนากุนเชียงจากสูตรดั้งเดิมจนได้รสชาติตามที่ต้องการ และมีการสร้างแบรนด์เจ็เค็งขึ้นมา เพื่อสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนในตลาด และปูทางให้ธุรกิจได้มีโอกาสเติบโตในอนาคต
.
สร้างแบรนด์กุนเชียงลุยตลาดเมืองกรุง
ช่วงเริ่มต้นจึงพยายามยามขยายตลาดออกไป
โดยได้นำไปฝากขายที่ตลาดยิ่งเจริญ และร้านขายของฝากต่างๆ
ตลอดเส้นทางตั้งแต่ปากช่องจนถึงกรุงเทพฯ
เมื่อผลตอบรับของกุนเชียงนั้นดีเกินความคาดหมาย
ทำให้ คุณสายสุนีย์ เลือกที่จะเลิกกิจการเขียงหมูหันมาจับธุรกิจกุนเชียงเพียงอย่างเดียว
ซึ่งเมื่อมาจับธุรกิจนี้เต็มตัวก็ได้เดินหน้าอย่างเต็มที่
ช่วงแรกเปิดตลาดในกรุงเทพฯ
ปรากฏว่ายอดขายโตถึง 200%
ซึ่งเธอมองว่า ผลตอบรับที่เกินความคาดหมายนั้น
มาจากการที่ผลิตภัณฑ์แบรนด์ ‘เจ็เค็ง’
เน้นเรื่องรสชาติ คุณภาพของสินค้า ซึ่งในช่วงแรกเป็นการขายส่งให้กับร้านค้าต่างๆ
เพียงอย่างเดียว จนมาถึงประมาณปี 2540 ที่มีการลดค่าเงินบาท เศรษฐกิจในประเทศเกิดวิกฤต
ทำให้มีหลายๆ คนหันมารับกุนเชียงไปขายเป็นอาชีพเสริมมากยิ่งขึ้น โดยมารับจากหน้าโรงงานโดยตรง
ทำให้กุนเชียงเจ๊เค็ง มีช่องทางจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้น ขยายไปในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
.
พัฒนาการผลิต เพื่อการเก็บรักษาได้นานขึ้น
เมื่อกลายเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
รวมไปถึงมียอดสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้ คุณสายสุนีย์ ได้เปิดหน้าร้านขึ้นมาเพื่อความสะดวกสำหรับผู้ที่จะมาซื้อ
อีกทั้งยังมีการพัฒนาในเรื่องของกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการนำระบบ
Vacuum
มาใช้เพื่อให้มี Shelf life
ที่ยาวนานมากขึ้น มีการนำเครื่องจักรที่ได้มาตรฐานเข้ามาใช้ในการผลิต
แต่ก็ยังเน้นในเรื่องของคุณภาพเป็นสำคัญอยู่เช่นเดิม
และเริ่มมองเห็นว่าธุรกิจกุนเชียงนั้นสามารถพัฒนาได้อีก
ขณะเดียวกันก็มีโอกาสที่ดีในตลาด ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำในลำดับต่อมา คือการ ‘สร้างแบรนด์ให้เข้มแข็ง’ โดย คุณสายสุนีย์ ได้หันมาพัฒนาคุณภาพกุนเชียง
โดยการนำเข้าเครื่องจักร เพื่อให้กระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ สม่ำเสมอ
ทำให้มีการจัดการที่ดีขึ้น ระยะเวลาการผลิตเร็วขึ้น ปริมาณเพิ่มขึ้น
และลดการสัมผัสกับวัตถุดิบอาหารภายในโรงงาน ก่อนที่จะเน้นในเรื่องการสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง
“เครื่องจักรที่ดีคือก้าวแรก
ถ้าต้องการสร้างแบรนด์ สร้างตลาด เพราะถ้าเครื่องจักรไม่ได้คุณภาพ สินค้าก็อาจด้อยคุณภาพ
ลูกค้าจะจดจำและไม่เชื่อมั่น ทั้งมองว่าแบรนด์จะเป็นโอกาสให้เรามีตลาดทั้งในประเทศ
และต่างประเทศได้”
.
‘กุนเชียงจิ๋ว’ สร้างความหลากหลายให้สินค้า มัดใจคนรุ่นใหม่
แต่เดิม
คุณสายสุนีย์ มองว่า กุนเชียงแท่งในรูปแบบเดิมนั้นมีความแข็งแรงอยู่แล้ว
ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มคนรุ่นเก่า หรือพ่อค้าแม่ค้าที่ทำอาหารขาย แต่เมื่อลูกสาวได้เสนอไอเดียว่า
กุนเชียงในรูปแบบเดิมนั้นไม่ได้ตอบโจทย์สำหรับกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่
เด็กบางคนยังไม่รู้จักเลยว่ากุนเชียงคืออะไร
ดังนั้น
ต่อมาจากไอเดียของลูกสาว กุนเชียงเจ๊เค็งเลยคิดทำกุนเชียงจิ๋วขึ้นมาเป็นเจ้าแรกของประเทศไทย
เพื่อตอบโจทย์ของกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ รวมไปถึงครอบครัวขนาดเล็ก
ซึ่งกุนเชียงจิ๋วนั้นก็มีหลากหลายรสชาติ ไมว่าจะเป็น พริกไทยดำ แกงกะหรี่ ชาโคล
โดนถูกใจกลุ่มคนรุ่นใหม่มาก เนื่องจากสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
โดย
‘กุนเชียงจิ๋ว’ นอกจากจากมีลักษณะที่กินง่าย ประกอบอาหารได้หลากหลายแล้ว ยังมีการออกแบบ Package
ออกแบบ Logo ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้ามายิ่งขึ้น
เนื่องจากตลาดกุนเชียงนั้นสามารถเรียกได้ว่า Niche Market ใน
Mass Market คือ มีกลุ่มคนที่ชอบกินกุนเชียงอยู่แล้ว
แต่ในกลุ่มคนเหล่านั้น ก็จะแยกออกไปเป็นกลุ่มที่ชอบกุนเชียงแบบดั้งเดิม
ชอบกุนเชียงแบบใหม่ ชอบกุนเชียงแบบจิ๋ว ทำให้เราต้องเข้าใจตลาด
จับทิศทางของตลาดให้ถูกต้อง
ขณะที่ทิศทางการตลาดของกุนเชียงจิ๋ว
ซึ่งมีการพัฒนาในเรื่องของแบรนด์ให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้นนั้น
คุณสายสุนีย์ ได้ให้มุมมองกับเรื่องนี้ไว้ว่า แบรนด์เจ๊เค็งดั้งเดิมที่เป็นจุดแข็งอยู่แล้ว
เธอจะไม่ไปแตะต้องส่วนนี้ แต่การ Rebrand
จะใช้กับสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เน้นตลาดใหม่ที่เป็นตลาดบน
ซึ่งเป็นสินค้าที่แตกต่างจากสินค้าดั้งเดิมในตลาดระดับกลางที่เรามีความเข้มแข็งอยู่แล้ว
.
ส่วนช่องทางการขายออนไลน์นั้น
ทางแบรนด์เจ๊เค็ง ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการลงขายสินค้าใน Platform online ต่างๆ
โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโควิด การขายออนไลน์นั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เพราะว่ากุนเชียงเป็นอาหารที่สามารถเก็บได้นาน ซึ่งผู้บริโภคหลายๆ
คนต้องการอาหารที่สามารถเก็บได้นานมากกว่าปกติ
ทำให้ยอดขายนั้นมีการเติบโตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทั้งในช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์
รวมไปถึงมีพันธมิตรที่นำสินค้าแบรนด์เจ็เค็ง
ออกไปสู่ตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น, ฮ่องกง, จีน, สปป.ลาว, กัมพูชา, บรูไน และเวียดนาม
ซึ่งยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นทำให้เริ่มมีการมองถึงการขยายโรงงาน
การเพิ่มกำลังการผลิต แต่ก็ยังจะต้องดูถึงทิศทางต่างๆ ในอนาคตให้แน่ชัดก่อน
ซึ่งก่อนที่จะจบการสัมภาษณ์นั้น
คุณสายสุนีย์ ได้ทิ้งท้ายเกี่ยวกับอนาคตของแบรนด์ไว้อย่างน่าสนใจว่า
“เราเติบโตมาตลอดระยะเวลา
30 ปีด้วยการสร้างแบรนด์เจ็เค็ง ให้เป็นแบรนด์ของสินค้าที่มีคุณภาพ
และจะพัฒนาต่อไป เพื่อสืบทอดให้ลูกหลานรักษาเอาไว้ว่า แบรนด์คำว่า ‘เจ๊เค็ง’ คุณไปใส่อะไรในสินค้าอะไร
ก็จะมั่นใจได้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพ ไม่ว่าการเติบโตจะไปในทิศทางไหนก็ตาม
แต่แบรนด์เจ๊เค็งต้องมาคู่กับคุณภาพ”
บทสรุปท้ายเรื่องตรงนี้
เราเลยอยากเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญกับ Branding ที่ต้องควบคู่กับ Quality
จุดแข็งและจุดขายของแบรนด์เจ๊เค็ง จากมุมมองของนักการตลาดข้างเขียง (หมู)
ที่มองตลาดด้วยประสบการณ์ เดินไปข้างหน้า และกล้าลงมือทำ
.
รู้จัก กุนเชียงเจ๊เค็ง
เพิ่มเติมได้ที่ :