ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี เราก็จะได้ยินว่า
4G กำลังมา
และมันจะเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ของชีวิตประจำวันเราไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
เพราะทั้งความเร็วอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น ทำให้การติดต่อสื่อสาร ใช้งานสิ่งต่างๆ
สะดวกสบายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้ 4G
กำลังจะตกเทรนด์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมี 5G กำลังเข้ามาแทนที่
สงสัยกันมั้ย ? จริงๆ แล้ว 5G นี้มันคืออะไร ดีกว่าเดิมยังไง จะทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปอย่างไร บอกเลยว่านี่คือเรื่องใกล้ตัวมากๆ ที่คุณต้องทำความเข้าใจเอาไว้ห้ามพลาดเด็ดขาด!
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เข้าใจพัฒนาการในแต่ละยุค
ก่อนจะไปพูดถึง 5G เรามาดูก่อนดีกว่าว่า G ที่ผ่านๆ มามันมีพัฒนาการอะไรบ้าง
1G: คุยผ่านมือถือระบบอะนาล็อก พวกมือถือใหญ่ๆ สมัยก่อน
ที่เอาไว้แค่โทรคุยทางไกลเท่านั้น
2G: ส่ง SMS, MMS หรือข้อความต่างๆ หากันได้
3G: ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ดี ส่งข้อมูลได้ระดับหนึ่งแต่ไม่เร็ว
4G: ยุคปัจจุบัน ดูคลิป ดูภาพ หรือดูหนังได้ มีความเร็วที่สูงมากขึ้นถึง 100-1,000 Mbps
การพัฒนาการของแต่ละยุคสมัย ก็จะมาพร้อมประโยชน์มากมาย
และการปรับตัวแบบไม่มีที่สิ้นสุด อย่างที่เราจะเห็นกันชัดๆ ก็เมื่อยุค 3G มาเป็น 4G อินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น จนตอบสนองความต้องการใช้งานได้ทันที
ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป จากที่เคยต้องเสียเงินเติมค่าโทรศัพท์
ก็หันมาใช้งานโทรคุยกันผ่านอินเทอร์เน็ต ด้วยแอปพลิเคชันไลน์ หรือ Facebook Chat แทน
รวมถึงการโฆษณาในภาคธุรกิจต่างๆ ก็เปลี่ยนจากการลงทุนกับทางช่องทีวี มาสู่สนามรบออนไลน์มากขึ้น เพราะผู้บริโภคหนีมาอยู่ที่นี่กันหมด ด้วยเหตุนี้แหละครับจึงทำให้ 5G นั้นน่าจับตามองอย่างมากว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกของเราไปในทิศทางไหนต่อไป
5G
จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
สิ่งที่ 5G จะเข้ามามีบทบาทนั้น ไม่ใช่แค่กับอุตสาหกรรมมือถือ
หรือสมาร์ตโฟนอีกต่อไป แต่จะรวมถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตในทุกๆ ด้าน
เพราะเราจะสามารถเข้าถึงข้อมูล โหลดสิ่งต่างๆ ได้ไวกว่าเดิมถึง 10เท่า!!! (ในกรณีที่ 4G เร็ว 1วินาทีต่อ 1000 Mbps ซึ่งถือว่าเร็วมากๆ )
ที่สำคัญหมดปัญหาเน็ตช้า
เน็ตอืดเวลาอยู่ในที่ที่ผู้คนแออัดไปได้เลย เพราะคนที่ชอบไปดูคอนเสิร์ต
หรือต้องติดอยู่ท่ามกลางผู้คนเยอะแยะ
อย่างช่วงเทศกาลปีใหม่ในตอนนับถอยหลังเคาท์ดาวน์
ก็มักจะประสบปัญหาโทรศัพท์ใช้การไม่ได้ เพราะคนเยอะแย่งสัญญาณกัน แต่ 5G
จะรองรับจำนวนผู้ใช้งานในแต่ละพื้นที่ได้มากกว่าถึง 10 เท่า ทำให้อยู่ตรงไหน คนเยอะแค่ไหน
ก็ใช้งานได้แบบไม่มีสะดุด
นอกจากนี้ ยังมีรายละเอียดยิบย่อยอีกมากมายเลยล่ะครับที่
5G จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตเราต่อให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้
ซึ่งมันจะส่งผลต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราทุกคนอย่างแน่นอน
อุปกรณ์อัจฉริยะจะขยายตัวเป็นเท่าทวี
หนึ่งในสิ่งที่น่าจับตามองเมื่อ 5G เข้ามาคือ เรื่องของ IoT หรืออินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง
ที่สั่งงานเครื่องมือที่วนเวียนอยู่รอบตัวเรา
เหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้นและขยายตัวสูงถึง 100 เท่าจากปัจจุบัน นั่นทำให้เห็นว่า
สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จะเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งช่วยให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายยิ่งขึ้น
เช่น รถยนต์ไร้คนขับ โดรนส่งของ ประตูบ้านอัจฉริยะ Smart Home โทรทัศน์
ตู้เย็น และสิ่งต่างๆ รอบตัวทุกอย่างล้วนจะถูกเชื่อมโยง เข้ากับอินเทอร์เน็ตผ่านระบบเครือข่าย
5G ไม่ผ่าน Wifi อีกต่อไป
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม 5G ถึงต้องแรง เร็ว
และรองรับการเชื่อมต่อได้มากมายมหาศาลขนาดนั้น เพราะอุตสาหกรรมทุกอย่างบนโลกนี้ ในอนาคตจะต้องเชื่อมต่อสู่อินเทอร์เน็ตทั้งหมดนั่นเอง
และเพราะ 5G ช่วยส่งเสริมให้การใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ได้ง่ายขึ้น
ทำให้ควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ในระยะไกล แบบไม่มีการดีเลย์
ในอนาคตอาจมีการเรียนการสอนผ่านทางออนไลน์เป็นหลัก ทีมแพทย์เองก็สามารถผ่าตัดคนไข้จากระยะไกลได้ด้วยเครื่องมืออัจฉริยะ หรือสามารถไปไหนมาไหนได้ด้วยรถยนต์ไร้คนขับ รวมทั้งการส่งสินค้าผ่านโดรนอย่างรวดเร็วฉับไว ไม่ต้องง้อไปรษณีย์ไทยหรือใครทั้งสิ้น
5G
จะเข้าไทยเมื่อไหร่?
สุดท้ายแล้วเชื่อว่าท่านผู้อ่านก็คงลุ้นให้ 5G เข้าไทยมาในเร็ววัน ซึ่งตอนนี้ในต่างประเทศหลายๆ พื้นที่ก็เริ่มใช้ 5G เป็นมาตรฐานแล้ว ทั้งในจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และในฝั่งยุโรป ซึ่งในประเทศไทยก็เริ่มมีข่าวคราวเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ค่ายมือถือ ก็โหมกระพือเตรียมตัวกันอย่างเต็มที่ ซึ่งคาดว่าเราน่าจะได้เห็น 5G และได้เร็วกว่าที่คิดไว้จากเดิม คือจะชัดเจนขึ้นในปี 2020 นี้ ถึงตอนนั้น วงการสมาร์ทโฟน อาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง