ปัจจุบันเศรษฐกิจของ สปป.ลาว กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด
ส่งผลทำให้สังคมเกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ ‘กรุงเวียงจันทน์’ เมืองหลวงของลาวมีสภาพความเป็นอยู่เปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง
จากอดีตในช่วงเช้าและเย็นไปไหนมาไหนไร้ปัญหารถติดขัด แต่ทุกวันนี้การจราจรอัมพาตเพราะปริมาณรถยนต์เพิ่มขึ้นจำนวนมาก
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme

ปัจจุบันเมืองหลวงของลาวเจริญเติบโตไม่หยุดเพราะมีกลุ่มนักลงทุนจากไทยและต่างชาติทะลักเข้าไปด้วยหลากหลายโครงการ
อาทิ ห้างสรรพสินค้าผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด มีห้างสรรพสินค้าแบรนด์ดังๆ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ๆ
ประกอบด้วย ห้างเวียงจันทน์ เซ็นเตอร์,
ห้างธาตุหลวงพลาซ่า, ห้าง I-Tec ช็อปปิ้ง
มอลล์, ห้างวิวมอลล์ และห้างเวิร์ดเทรด เซ็นเตอร์ เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกไปเที่ยวลาวไม่ต่ำกว่า
10 ล้านคน เนื่องจากปีทางรัฐบาลลาวเปิดจัดแคมเปญ ‘ปีแห่งการท่องเที่ยว
2562-2563’ นับเป็นครั้งแรกเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวตลอดทั้งเปิดประเทศสู่สายตาโลก
อย่างไรก็ตามอีก 3 ปีข้างหน้า หรือหลังปี 2564 สิ่งที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อเศรษฐกิจของลาวเป็นอย่างมากนั้นก็คือ รถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว จากคุณหมิงเชื่อมโยงมาถึงกรุงเวียงจันทน์ ระยะทาง 414 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการที่จะเปลี่ยนแปลงลาวจาก “Land Locked to Land Linked" ทำให้การเดินทางจากด่านบ่อหาร (Mohan) ไปกรุงเวียงจันทน์ สะดวกสบาย โดยใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง จากเดิมที่ต้องใช้เดินทางนาน 2 วัน หลังรถไฟจากคุนหมิงถึงกรุงเวียงจันทน์ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวลาวสูงถึงปีละ 10-20 ล้านคน จากปี 2561 นักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาในลาวมากกว่า 5 ล้านคน
5 ปีจีดีพี
“ลาว”พุ่งทะลุเหนือชาติอาเซียน
จากข้อมูลของกระทรวงแผนการและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ได้ประเมินก่อนหน้านี้ว่าทิศทางการค้าและการลงทุนในลาว ตั้งแต่ปี 2558 ไปถึงปี
2565 เทียบสัดส่วน ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP) ของลาว เมื่อเทียบกับ GDP อาเซียนทั้งหมดเพิ่มขึ้น
0.1% มูลค่า GDP หรือเพิ่มขึ้นเป็น 11.6
พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (จาก 14 พันล้านดอลลาร์ฯ เป็น 26 พันล้านดอลลาร์ฯ)
โดยในอีก 5 ปีข้างหน้าโดยอัตราการขยายตัวเฉลี่ยของ
CLMV อยู่ที่ 6.8% ต่อปี ขณะที่ GDP ลาวอยู่ที่ 6.9% ซึ่งขยายตัวสูงกว่าอัตราการขยายเฉลี่ยของอาเซียนทั้งหมด
นอกจากนี้จากข้อมูลปี 2547 ถึง 2559
พบว่าเกือบร้อยละ 70 ของการนำเข้าสินค้าของลาวนั้นมาจากสินค้าของประเทศไทย
ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวค่อนข้างมีความผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ในอีก 5
ปีข้างหน้า สัดส่วนการนำเข้าจากประเทศไทยเพิ่มขึ้นใกล้เคียงร้อยละ 70
ขณะที่สัดส่วนการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนปรับตัวลดลงเล็กน้อย
นอกจากนั้นเป็นการนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
โดยสินค้าในอีก 5 ปีข้างหน้า ประชาชนชาวลาวต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นอันดับแรก ตามด้วยสินค้าประดับยนต์ ผลไม้ปลอดสารพิษ และโคเนื้อพรีเมียม แต่โดยปกติแล้วสินค้า 5 อันดับแรกของการนำเข้าลาว ประกอบด้วย เชื้อเพลิง, อุปกรณ์ไฟฟ้า, รถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์, และเครื่องจักรกล เป็นต้น
9 ประเภทกิจการที่รัฐบาลลาวส่งเสริมให้นักลงทันต่างชาติ
1. ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีสูงในการผลิตสินค้าและแปรรูปรวมถึงการค้าแบบออนไลน์
2. การทำการเกษตรสะอาด
ซึ่งมีการตื่นตัวอย่างมากในเวียงจันทน์ทั้งผู้บริโภคและภาครัฐ
โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและออร์แกนิก
ธุรกิจนี้เป็นจุดขายที่ให้ต่างประเทศเข้ามาเช่าพื้นที่ในลาว เพื่อปลูกพืชเกษตร
เช่น ญี่ปุ่น จีน เป็นต้น
3. อุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์กสิกรรมลาว
มีวัตถุดิบทางการเกษตรจำนวนมากแต่ยังขาดการแปรรูปเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ
เพราะคนลาวยังนิยมอาหารสดมากกว่าอาหารแปรรูป
4. การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวธรรมชาติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวและการบริการ
5. ธุรกิจด้านการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์กลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจ
ได้แก่ กลุ่มวิชาชีพเฉพาะ เช่น ช่างซ่อมประเภทต่างๆ
6. โรงพยาบาลทันสมัย หรือ
"โรงหมอ" ที่คนลาวเรียกกัน รวมไปถึงสถานเสริมสวยความงาม
7. สถาบันการเงิน
8. การพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐาน
กลุ่มนี้เป็นธุรกิจเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างทุกประเภท
9. ศูนย์การค้าทันสมัย
13 ธุรกิจมาแรงลาวพร้อมอ้าแขนรับทุนต่างชาติ
ธุรกิจมาแรงและทางการลาวต้องการให้ไปลงทุนด้วยมากที่สุด
13 ประเภท ได้แก่ เครื่องจักรการเกษตร, รถยนต์, อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เครื่องสำอาง, คอมพิวเตอร์ ,ผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน, ร้านอาหาร, เครื่องใช้ไฟฟ้า,
วัสดุก่อสร้าง,ปลูกผลไม้,ฟาร์ม
โคเนื้อพรีเมียม, โรงชำแหละมาตรฐาน และฟาร์มออร์แกนิก
แต่สิ่งที่นักลงทุนไทยต้องเร่งขยับลงทุนให้เร็วมากที่สุด หากไม่ต้องพลาดโอกาสการลงทุนครั้งนี้ เพราะอีก 5 ปีข้างหน้า ธุรกิจในลาวจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างรวดเร็วจาก “ทุนจีน” ซึ่งสิ่งที่จะได้รับผลกระทบแน่ๆ คือ สินค้าไทยที่ขายในลาว จีนกำลังเร่งผลิตสินค้าคุณภาพเพื่อแทนที่สินค้าไทย และสกุลเงินหยวนจะเข้ามาแทนที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯและเงินบาท เพราะเมื่อธุรกิจส่วนใหญ่เป็นของจีน เงินที่ใช้ในการทำธุรกิจก็ต้องเป็นของจีนทั้งหมด