แม้จะอยู่ในช่วงต้นปี 2563
แต่โลกกลับต้องเผชิญกับอุปสรรคและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
ที่ทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจเกิดความผันผวน เช่น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน
ที่เหตุการณ์สืบเนื่องมาตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน
การแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) เมื่อวันที่
31 ม.ค. 2563 และการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ไม่มีทีท่าว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติได้ในเร็ววัน
เหตุการณ์เหล่านี้กลายเป็นตัวการที่ทำให้เกิดความโกลาหล และส่อแววให้เห็นว่าประเทศเศรษฐกิจหลักได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนการขยายตัวทางเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลง เช่นเดียวกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม กัมพูชา และ สปป. ลาว ที่มีสัดส่วนการพึ่งพาประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างจีนในระดับสูง หรือมากกว่าร้อยละ 12.4 ต่างได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรงทั้งภาคการส่งออก ภาคการท่องเที่ยว และภาคการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
หลายประเทศอาจมีแนวทางในการรับมือ
หรือมาตรการที่จะช่วยบรรเทาและแก้ไขสถานการณ์ทางเศรษฐกิจให้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น
สปป. ลาว ก็เช่นกัน โดยมีมาตรการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
ซึ่งจะช่วยให้ สปป. ลาวกลายเป็นประเทศเนื้อหอมที่นักลงทุนจากต่างประเทศ
รวมถึงนักทุนไทยต้องการเข้ามาทำการค้าการลงทุนกับ สปป. ลาว มากขึ้น
โดยรัฐบาลได้ออกคำสั่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่
21 ม.ค. 2563
ว่าด้วยการปรับปรุงงานบริการ การออกใบอนุญาตลงทุน และการออกใบอนุญาตดำเนินธุรกิจ
เพื่อปรับปรุงระบบบริการลงทุนประตูเดียว (One Stop Service) และการดำเนินธุรกิจใน
สปป. ลาว ให้มีความสะดวกรวดเร็ว และดึงดูด การลงทุนภายในประเทศและจากต่างประเทศ
โดยได้กำหนดหน้าที่ ระยะเวลา
และขั้นตอนการพิจารณาอนุญาตลงทุนและดำเนินธุรกิจของหน่วยงานด้านการส่งเสริมการลงทุนของ
สปป. ลาว ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
ห้องการบริการลงทุนประตูเดียว เป็นหน่วยรับเอกสารคำร้องขอลงทุนและขอความเห็นจากหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องภายใน 2 วันทําการ จากนั้นเสนอต่อไปยังคณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนเพื่อพิจารณาอนุมัติ
นอกจากนี้
ยังทำหน้าที่รวบรวมบัญชีธุรกิจจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้อ้างอิงในการกําหนดนโยบายด้านศุลกากรและภาษีนําเข้าสินค้า
รวมถึงจัดทำฐานข้อมูลการลงทุนอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การอนุญาตดําเนินธุรกิจ/ลงทุน
และการออกเอกสารต่าง ๆ ทําได้สะดวกรวดเร็วขึ้น
หน่วยงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
จัดตั้งศูนย์ประสานงานบริการลงทุนประตูเดียวภายใต้การกํากับดูแลของรัฐมนตรี/เจ้าแขวง
และจัดตั้งกรม/แผนก เพื่อเป็นจุดประสานงานภายในหน่วยงานนั้นๆ โดยให้ศูนย์ประสานงานฯ
ส่งความเห็นที่เกี่ยวกับการสํารวจ
และศึกษาความเป็นไปได้ของกิจการสัมปทานให้ห้องการบริการลงทุนประตูเดียวภายใน 30 วันทําการ
และส่งความเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทสําหรับกิจการควบคุมภายใน 3 วันทําการ
นอกจากนี้
ยังทำหน้าที่ทบทวนบัญชีกิจการควบคุมใหม่
โดยเฉพาะกิจการที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม
ประเพณีวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติ และส่งให้กระทรวงแผนการและการลงทุนภายใน 90 วัน เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนส่วนกลางพิจารณารับรอง
รวมถึงออกระเบียบเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตดําเนินธุรกิจในสาขาที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของตนเป็นการเฉพาะ
โดยกําหนดขั้นตอนและเอกสารประกอบการพิจารณาที่ชัดเจนเพื่ออํานวยความสะดวกแก่นักลงทุน
คณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน ดำเนินการประชุมพิจารณาคําร้องขอลงทุนและปัญหา ที่เกี่ยวข้องร่วมกับห้องการบริการลงทุนประตูเดียวอย่างน้อย 2 ครั้งต่อเดือน และให้ห้องการบริการลงทุนประตูเดียวรายงานผลการประชุมต่อนายกรัฐมนตรี/เจ้าแขวง โดยตรง ไม่ต้องเสนอผ่านห้องว่าการ สำนักงานนายกรัฐมนตรี หรือห้องว่าการปกครองแขวงหรือนครหลวงเวียงจันทน์
การออกคำสั่งดังกล่าว
ได้แสดงถึงเจตนารมณ์และการควบคุมงานด้านการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจและส่งเสริมการลงทุนของนายกรัฐมนตรี
สปป. ลาว ด้วยตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ของ สปป. ลาว โดยมีเป้าหมายให้ สปป.
ลาวหลุดพ้นจากการเป็นประเทศด้อยพัฒนาไปสู่การเป็นประเทศกำลังพัฒนาภายในปี 2563
ภายใต้วิสัยทัศน์ปี 2573 ที่จะการทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นไปพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
อ้างอิง : โดยศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
: สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์