เรียนรู้ความสำเร็จสตาร์ทอัพเกาหลีใต้ เพื่อสร้าง ‘ยูนิคอร์นเมืองไทย’

SME Startup
02/07/2021
รับชมแล้วทั้งหมด 3236 คน
เรียนรู้ความสำเร็จสตาร์ทอัพเกาหลีใต้ เพื่อสร้าง ‘ยูนิคอร์นเมืองไทย’
banner

สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น (Unicorn) คือสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าการลงทุนที่ได้รับจากนักลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวอย่างธุรกิจสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นที่รู้จักกันทั่วไป เช่น Uber หรือ Airbnb ของสหรัฐอเมริกา หรือ Xiaomi ของจีน เป็นต้น ซึ่งในประเทศแถบเอเชียนอกเหนือจากประเทศจีน ประเทศเกาหลีใต้ก็นับว่าเป็นประเทศที่มียูนิคอร์นมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก โดยประกอบไปด้วยสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นจำนวน 12 ราย เป็นรองจากประเทศสหรัฐอเมริกา จีน อังกฤษ และอินเดียเท่านั้น ปัจจัยสู่ความสำเร็จของยูนิคอร์นเกาหลีจึงมีความน่าสนใจและนำมาสู่การถอดบทเรียนในครั้งนี้

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

การที่ธุรกิจสตาร์ทอัพของเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จได้นั้นเป็นผลมาจากหลายปัจจัย จากทั้งตัวธุรกิจสตาร์ทอัพเอง ปัจจัยภายนอกที่มีส่วนช่วยสนับสนุนและเอื้อต่อการประสบความสำเร็จ เช่น ประเทศเกาหลีใต้มีโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการเข้าถึงโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต มีจำนวนการใช้ Smartphone สูง และยังเป็นผู้พัฒนาโครงข่ายอินเทอร์เน็ตอันดับต้นของโลก มีเครือข่ายสำหรับอุปกรณ์ IoT ครอบคลุมทั่วประเทศ และเริ่มใช้เครือข่าย 5G เป็นประเทศแรกๆ ซึ่งเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของสตาร์ทอัพ หรือจำนวนเงินลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพจากบริษัทร่วมลงทุน (Venture Capital)

ในปี 2561 มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 3.42 ล้านล้านวอน และการสนับสนุนของรัฐบาลเกาหลีใต้ในการขับเคลื่อนวิสาหกิจเริ่มต้นให้เติบโตและแข่งขันได้ในเวทีโลก

เกาหลีใต้มีกระทรวงที่ดูแลวิสาหกิจเหล่านี้โดยเฉพาะและอย่างใกล้ชิด ชื่อว่า Ministry of SMEs and Startups (MSS) ซึ่งทำหน้าที่ออกนโยบายและมาตรการเพื่อสนับสนุนระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ โดยดำเนินงานภายใต้แผนที่จะ สร้างเกาหลีใต้ให้เป็นประเทศสตาร์ทอัพ โดยการสร้างบรรยากาศ และระบบนิเวศของประเทศให้เอื้อต่อการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยมีการดำเนินมาตรการต่างๆ เช่น

1. การเปิดตลาดหลักทรัพย์ KONEX (Korea New Exchange) ให้แลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ SME และผู้ร่วมทุนในการระดมทุนหรือรวบรวมเงินลงทุนก่อนที่จะเข้าจดทะเบียนใน KOSDAQ

2. นโยบายการส่งเสริมจากภาครัฐ ที่ช่วยให้สตาร์ทอัพหาผู้มีความสามารถทางด้านไอทีมาร่วมงาน โดยการเสนอให้ผู้ชายชาวเกาหลีใต้สามารถทำงานเป็น Developer ในสตาร์ทอัพ แทนที่จะเข้ากรมตามที่กฎหมายกำหนด แต่จะได้รับเงินเดือนในอัตราที่น้อยกว่าปกติ เพราะ developer เป็นตำแหน่งที่เงินเดือนสูงและสตาร์ทอัพอาจมีทุนไม่เพียงพอที่จะจ้างงานคนเหล่านี้ได้

3. มาตรการเพิ่มเติม เช่น โปรแกรมที่สนับสนุนการจัดตั้งออฟฟิศ อย่างที่ทราบกันว่าค่าเช่าที่ในเกาหลีใต้มีราคาที่สูง รัฐจึงยื่นมือเข้ามาสนับสนุนค่าเช่า โปรแกรมลดภาษีนิติบุคคลของสตาร์ทอัพ และผ่อนคลายข้อกฎหมายให้สตาร์ทอัพในการดำเนินธุรกิจ

นอกเหนือจากการสนับสนุนทางด้านนโยบาย รัฐบาลเกาหลียังสนับสนุนด้านเม็ดเงิน เช่นโครงการ Technology Incubation Program (TIPS) ของรัฐบาล ที่ให้เงินในการสนับสนุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) กับสตาร์ทอัพ 8 แสนดอลลาร์สหรัฐต่อแห่ง ซึ่งคาดว่าภายในปี 2025 ยอดการลงทุนสนับสนุนของรัฐบาลเกาหลีใต้ในธุรกิจสตาร์ทอัพจะสูงถึง 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นงบประมาณส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรม

อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในการผลักดันสตาร์ทอัพคือ บริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจเกาหลีใต้ เพราะบริษัทเหล่านี้มีการผันตัวไปเป็นนายทุนให้สตาร์ทอัพ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของการร่วมทุน ลงทุนโดยตรง หรือผ่านโปรแกรม Accelerator ของตน และแน่นอนว่าความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชนนี้ ล้วนแต่เป็นผลดีต่อการเติบโตของสตาร์ทอัพ

แต่ถึงจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาล เกาหลีใต้ก็ยังเผชิญกับ สตาร์ทอัพซอมบี้ ที่หากจะอธิบายให้ง่ายคือ สตาร์ทอัพที่ไม่ตายแต่ก็ไม่โต ซึ่งมีจำนวนมากไม่แพ้ประเทศใดในโลก สตาร์ทอัพซอมบี้เหล่านี้ สามารถขอเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อต่ออายุบริษัทไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะทำเงินหรืออยู่ได้ด้วยกำไรของตนเอง ประกอบกับทัศนคติของคนเกาหลีใต้เองที่ยึดติดกับการทำงานในองค์กรใหญ่ เช่น Samsung, Hyundai, LG กลุ่มคนที่ทำงานในบริษัทใหญ่เหล่านี้จะได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จ หรือแม้หากมีความสนใจในงานสตาร์ทอัพ ก็จะมุ่งเข้าหาแต่สตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จและเป็นยูนิคอร์นเท่านั้น เช่น Coupang, Naver Kakao, Talk Line ทำให้สตาร์ทอัพหน้าใหม่ประสบปัญหาในการหาคนที่มีความสามารถเข้ามาร่วมงาน

ตัวอย่างของเกาหลีใต้แสดงให้เห็นว่า สตาร์ทอัพจะเติบโตได้เพราะการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นปัจจัยหลัก โดยมีความร่วมมือจากภาคเอกชนเป็นแรงกระตุ้นในการขับเคลื่อน ซึ่งเมื่อมองกลับมาที่ไทย การพัฒนาตลาดสตาร์ทอัพของประเทศยังอยู่ในระยะเริ่มต้นที่ต้องเร่งสร้างสภาพแวดล้อม เพื่อสนับสนุนการเติบโตของสตาร์ทอัพ ตลอดจนเร่งแก้กฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้เอื้อต่อการลงทุนและการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ นอกจากนี้การเพิ่มจำนวนบริษัทร่วมทุน (Venture Capital) จากทั้งในและต่างประเทศ ก็จะช่วยสร้างโอกาสให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพไทยในการเติบโตและก้าวไปสู่ระดับโลกได้อีกทางด้วย

 

แหล่งอ้างอิง :

https://www.depa.or.th/

https://www.mss.go.kr/

https://seoulz.com/

https://www.ditp.go.th/

 


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

4 สตาร์ทอัพไทย ที่ใช้ Model Innovation เปลี่ยนโลกใบนี้เป็นสีเขียว

4 สตาร์ทอัพไทย ที่ใช้ Model Innovation เปลี่ยนโลกใบนี้เป็นสีเขียว

อย่างที่ทราบดีว่า ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมถือเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก ที่ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่ และกลายมาเป็นโจทย์สำคัญที่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ…
pin
2857 | 14/02/2023
ไม่ดูตอนนี้ รู้อีกทีปีหน้า! ส่องเทรนด์ธุรกิจมาแรง ที่ SME ห้ามพลาดใน ปี 66

ไม่ดูตอนนี้ รู้อีกทีปีหน้า! ส่องเทรนด์ธุรกิจมาแรง ที่ SME ห้ามพลาดใน ปี 66

หลังจากไทยเผชิญการระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้ผู้คนปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต หลายหน่วยงานที่เกี่ยวกับธุรกิจการค้าต่างออกมาวิเคราะห์เทรนด์ธุรกิจที่มาแรงในปี…
pin
5033 | 19/01/2023
ตอบโจทย์ Aging Society! นักวิจัยไทยคิดค้น ‘MONICA’ เกมกระตุ้นสมองสำหรับผู้สูงอายุ ที่ผู้ประกอบการต่อยอดไอเดียได้

ตอบโจทย์ Aging Society! นักวิจัยไทยคิดค้น ‘MONICA’ เกมกระตุ้นสมองสำหรับผู้สูงอายุ ที่ผู้ประกอบการต่อยอดไอเดียได้

‘ไทย’ ได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์แล้ว คิดเป็นประมาณ 18.3% ของประชากรทั้งหมด และไทยจะกลายเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอดเช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่มีประชากรอายุ…
pin
2702 | 22/12/2022
เรียนรู้ความสำเร็จสตาร์ทอัพเกาหลีใต้ เพื่อสร้าง ‘ยูนิคอร์นเมืองไทย’