ในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัท LG Electronics ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนจากเกาหลีใต้ ประกาศย้ายฐานการผลิตโทรศัพท์มือถือจากเมืองพยองแท็ก จ. คยองกี ไปยังฐานการผลิตในเมืองไฮฟอง ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเวียดนาม
การตัดสินใจโยกฐานการผลิตโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนจากเกาหลีใต้ไปยังเวียดนามดังกล่าวเป็นความพยายามของบริษัทฯ ในการลดต้นทุนการผลิตโทรศัพท์มือถือ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจโทรศัพท์มือถือของบริษัทฯ ท่ามกลางสภาวะการเติบโตของตลาดโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันที่ชะลอตัวลง
โดยการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่ธุรกิจโทรศัพท์มือถือของ LG ประสบกับภาวะขาดทุนต่อเนื่องกันเป็นเวลา 15 ไตรมาส รวมมูลค่าการขาดทุนสะสมกว่า 3 ล้านล้านวอน (ประมาณ 2.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
มีการประเมินสาเหตุของปัญหาการขาดทุนสะสมของธุรกิจโทรศัพท์มือถือของ LG มาจากการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นของตลาดโทรศัพท์มือถือ โดยโทรศัพท์มือถือของ LG ไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้ทั้งในรุ่นกลุ่มระดับบน ซึ่งพ่ายแพ้ให้กับ Apple และ Samsung และในรุ่นกลุ่มระดับกลาง-ล่าง ซึ่งพ่ายแพ้ให้กับค่ายโทรศัพท์มือถือจากจีน อาทิ Huawei ,Xiaomi ,Oppo และ Vivo ที่มี เทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำหน้า แต่มีราคาที่ถูกกว่า
อย่างไรก็ตามภายหลังกระบวนการย้ายฐานการผลิต ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2562 นี้ โดยโรงงานที่เมืองพยองแท็ก ในเกาหลีใต้จะถูกปรับเปลี่ยนไปเป็นศูนย์ออกแบบและทดสอบอุปกรณ์ต้นแบบโทรศัพท์มือถือ LG ก่อนผลิตจริงในสายพานการผลิต
สําหรับพนักงานที่โรงงานพยองแท็กจํานวนกว่า 750 คน จะถูกโยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่โรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เมืองชางวอน จ. คยองซังใต้ แทน เพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่โรงงานผลิตโทรศัพท์มือถือที่เมืองไฮฟอง ซึ่งเดิมมีกําลังการผลิตปีละ 6 ล้านเครื่อง จะเพิ่มกําลังการผลิตขึ้นเป็นปีละ 11 ล้านเครื่อง
ที่ผ่านมา LG Electronics มีโรงงานผลิตโทรศัพท์มือถือตั้งอยู่ใน 4 ประเทศ ได้แก่เกาหลีใต้ จีน เวียดนาม และบราซิล มีกําลังการผลิตโทรศัพท์มือถือรวมปีละประมาณ 38 ล้านเครื่อง โดยโรงงานที่เมืองพยองแท็กผลิตโทรศัพท์สมาร์ทโฟนในรุ่นกลุ่มราคาสูง ขณะที่โรงงานที่เมืองไฮฟองผลิตโทรศัพท์มือถือในรุ่นกลุ่มราคาระดับกลาง-ต่ำ ทั้งนี้ การตัดสินใจย้ายฐานการผลิตดังกล่าวจะส่งผลให้ LG ไม่มีโทรศัพท์มือถือที่ผลิตในเกาหลีใต้ (Made in Korea) อีกต่อไป
การตัดสินใจของบริษัทเกาหลีใต้ในการโยกย้ายฐานการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นออกจากเกาหลีใต้ไปยังประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานต่ำกว่า เป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะปัจจุบันที่รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ พร้อมทั้งออกกฎหมายจํากัดชั่วโมงการทํางาน
กระนั้นการย้ายฐานการผลิตอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อประเทศนัก เพราะหากในอนาคตบริษัทขนาดใหญ่ของเกาหลีใต้ (กลุ่ม Chaebol) ตัดสินใจย้ายฐานการผลิตตามรอย LG Electronics บ้าง ก็อาจส่งผลให้ปัญหาการว่างงานในเกาหลีใต้เลวร้ายยิ่งขึ้น รวมทั้งอาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลเกาหลีใต้เริ่มถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งผู้แทนของบริษัทเอกชน และ สส. พรรคฝ่ายค้านอย่างรุนแรงมากขึ้น เกี่ยวกับแนวทางการดําเนินนโยบายเศรษฐกิจที่เน้นการแทรกแซงระบบตลาดที่นอกจากจะสร้างภาระให้กับผู้ประกอบการแล้ว ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างตรงจุด
แม้ว่าการย้ายฐานการผลิตโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนของ LG Electronics ครั้งนี้จะ ไม่ส่งผลกระทบต่อตําแหน่งงานของพนักงานโรงงานที่เมืองพยองแท็ก แต่การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณถึงการดําเนินการที่ขัดต่อแนวนโยบาย และความคาดหวังของรัฐบาลที่มีต่อบทบาทของกลุ่ม Chaebol ในฐานะผู้เล่นสําคัญที่จะสามารถสร้างตําแหน่งงานใหม่ให้เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ ด้วยการขยายฐานการผลิต/สร้างโรงงานในเกาหลีใต้เพิ่มเติม
ทั้งการตัดสินใจโยกย้ายฐานการผลิตดังกล่าวยังเป็นเครื่องยืนยันถึงสิทธิขาด/อํานาจการตัดสินใจในทางธุรกิจของกลุ่ม Chaebol ที่เป็นเอกเทศ และไม่อยู่ภายใต้แรงกดดันของรัฐบาล ถึงแม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะใช้มาตรการที่เป็น “ไม้แข็ง” กดดันให้กลุ่ม Chaebol ปฏิรูปโครงสร้างอย่างจริงจังก็ตาม
ที่สำคัญ การตัดสินใจดังกล่าวยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความนิยม/ความแข็งแกร่งของเวียดนามในฐานะศูนย์กลางการลงทุนของภาคเอกชนเกาหลีใต้
เพราะแม้ว่าปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐเกาหลีใต้จะมีข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับระดับการพึ่งพาทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ต่อเวียดนาม โดยเห็นว่าบริษัทเอกชนเกาหลีใต้ลงทุนในเวียดนามมากเกินไป และประสงค์ให้ diversify ฐานการผลิตไปยังพื้นที่อื่น ๆ อาทิ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่น ๆ หรือประเทศในเอเชียกลางมากขึ้น แต่ความพยายามของรัฐบาลก็ไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของภาคเอกชนเกาหลีใต้มากนัก
งานนี้แม้ไม่ถึงกับเรียกได้ว่า ไปตายเอาดาบหน้า แต่ก็ถือว่า ‘ทุบหม้อ จมเรือ’ ไร้ทางถอยแล้ว สำหรับ LG อย่างไรก็ต้องเดินหน้าต่อไปให้สุด แต่ก็ถือว่าไปเจอโอกาสที่อาจจะ ดีกว่า ทั้งประเด็นเรื่องค่าจ้างแรงงาน นโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลเวียดนาม และศักยภาพของแรงงานเวียดนาม ยังคงเป็นปัจจัยสําคัญที่ทําให้เวียดนามเป็นจุดหมายการลงทุนหลักของภาคเอกชนเกาหลีใต้ต่อไป
อ้างอิง : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล
ทุนต่างชาติแห่ลงทุนเวียดนาม สูงสุดเป็นประวัติการณ์
เกาหลีใต้ตั้งองค์กรพันธมิตรเพื่อทําธุรกิจกลุ่มประเทศ ‘New South’
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333