ที่ผ่านมา
วงการด้านโลจิสติกส์ได้มีการพัฒนาไปในหลายหลายกิจกรรม
ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นด้านการพัฒนาคุณภาพการให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่มีความรวดเร็ว
ปลอดภัย ควบคมเวลาได้ และติดตามได้ในทุกช่วงเวลา ซึ่งในปัจจุบันมีบุคคลและนิติบุคคลต่างสนใจในการเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมด้านโลจิสติกส์
นั่นคือการเป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีโลจิสติกส์ หรือที่เรียกว่า Logtech
ซึ่งได้แก่ ธุรกิจที่มีคำจำกัดความได้อาทิ
การขนส่ง การหีบห่อและจัดเก็บ การบริหารจัดการเวลาขนส่ง ระบบการติดตามพัสดุ
หรือสินค้า ระบบควบคุมและติดยานยนต์ระยะไกล (Tracking)
หรือระบบในด้านการจัดการในคลังสินค้า ท่าเรือ ชิปปิ้ง
หรือแม้แต่งานด้านการจัดส่งพัสดุอีคอมเมิร์ซ
โดย Logtech มาจากคำว่า Logistics + Technology มีความหมายว่าเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาระบบ
Logistics ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสตาร์ทอัพด้านโลจิสติกส์จะมีหน้าที่ในการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือแอพพลิเคชั่น
เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ต่างๆ มีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ที่สำคัญ Logtech สามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบบริหารคลังสินค้า
การพัฒนาด้านฮาร์ดแวร์ของระบบการขนส่ง การขนย้ายสินค้า
การจองรถขนส่งและคำนวณราคาค่าขนส่งผ่านมือถือ เป็นต้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เพราะอะไร Logtech สตาร์ทอัพยืนได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ติดลบ!
- เทคโนโลยีของ Logtech มีการพัฒนาอยู่ตลาดเวลา
ส่งให้มันสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี
แม้จะอยู่ในช่วงที่โรคโควิด 19 ระบาดอยู่ก็ตาม
- ในยุคที่ผู้คนออกจากบ้านไม่ได้
การมีผู้ช่วยในด้านการจัดการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ จะตอบโจทย์เรื่องความเร็วได้ดี
- การสั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์กลายเป็นตัวเลือกที่ผู้คนนิยมใช้กันมากที่สุดในยุคนี้
- Logtech เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการต่างๆ ต้องการที่จะนำมาพัฒนาระบบขนส่งสินค้าให้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง
หรือกำลังมองหาสตาร์ทอัพที่มีส่วนช่วยในด้านนี้
- Logtech สตาร์ทอัพสายโลจิสติกส์ ไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่พัฒนาระบบซอฟต์แวร์เท่านั้น
แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนผลงานต่างๆ ให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าได้อีกด้วย เช่น
พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวกับ Food Daily เครื่องมืดติดตามรถพ่วง
รถบรรทุก
เทคโนโลยีด้าน Logtech ในปัจจุบันมีความแม่นยำที่สูงมาก จึงลดโอกาสการผิดพลาดในการทำงานได้เป็นอย่างดี
Logtech สตาร์ทอัพสายโลจิสติกส์ได้รับความนิยมหรือไม่?
Logtech สตาร์ทอัพสายโลจิสติกส์ ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากการเกิดขึ้นของเทคโนโลยี อาทิ AI, Blockhain, Big Data และ 5G ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันตลาดนี้
รวมทั้งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้
Logtech
สตาร์ทอัพสายโลจิสติกส์แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม!
1. พัฒนาบุคลากร
หัวใจสำคัญสำหรับ Logtech
สตาร์ทอัพสายโลจิสติกส์ คือวิศวกรซอฟท์แวร์
ผู้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ ให้กับลูกค้า
ซึ่งจากการสำรวจพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้
จะเน้นทำงานกับมหาวิทยาลัยของรัฐหรือองค์กรของทางภาครัฐเป็นหลัก ส่งผลให้ในอนาคต Logtech
สตาร์ทอัพสายโลจิสติกส์ภายในประเภทไทย อาจจะเกิดการขาดแคลนบุคลากรในส่วนของภาคเอกชนเอาได้
เพราะฉะนั้นแล้วการพัฒนาบุคลากร จึงกลายเป็นเรื่องที่สตาร์ทอัพสายโลจิสติกส์ไม่ควรจะมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง!
2. นำข้อมูลงานวิจัยมาอ้างอิง
เป็นสตาร์ทอัพจะไม่เท่ในทันที
ถ้ามัวอ้างอิงข้อมูลลอยๆ เพราะสมัยนี้เขาใช้ข้อมูลจากงานวิจัย ยิ่งมีงานวิจัยออกมารับรองมากเท่าไหร่
ก็จะยิ่งทำให้
Logtech สตาร์ทอัพสายโลจิสติกส์ แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น!
โดยงานวิจัยจะกลายเป็นเครื่องการันตีว่า Logtech ที่ทางสตาร์ทอัพสายโลจิสติกส์ ได้คิดค้นออกมาสามารถใช้งานได้จริงหรือไม่
และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละภาคอุตสาหกรรมได้มากน้อยเพียงใดนั่นเอง
3. Core Technology เป็นสตาร์ทอัพสาย Logtech จะเชยมากถ้าเทคโนโลยีที่ใช้ยังคงเป็นแค่เทคโนโลยีธรรมดาๆ
ที่สามารถโหลดจากแพลตฟอร์มสำเร็จรูปมาใช้งาน
เพราะสิ่งที่สตาร์ทอัพอยากประสบความสำเร็จได้ในยุคนี้คือ
เทคโนโลยีหลักที่เป็นตัวผลักดันธุรกิจคุณคืออะไร หาให้เจอ
ถึงตรงนี้คงเข้าใจความหมายและแนวโน้มของสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีโลจิสติกส์มาพอสมควร
ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า Logtech จะมีความสำคัญอยากมากต่อทุกอุตสาหกรรม