ปี 2563
ธุรกิจโลจิสติกส์ หรือ สตาร์ทอัพด้านโลจิสติกส์ (LogTech -
Logistics Technology) ดาวรุ่งพุ่งแรงที่กำลังจับตามองว่า จะเป็นฟันเฟืองสำคัญเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเติบโตแข็งแกร่งทัดเทียมนานาประเทศที่ประสบความสำเร็จ
จากนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการองค์กร ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ทั้งด้านใช้เทคโนโลยีเพื่อขนส่ง ทางบก ทางอากาศ และ ทางทะเล
ธุรกิจโลจิสติกส์ ถือเป็นการเคลื่อนย้ายสินค้าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง หรือ End-user และมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่หากกล่าวถึงรายละเอียดงานของโลติสติกส์นั้นมันกว้างมาก เริ่มตั้งแต่การวางแผน, การจัดการ, การเตรียมการ, การขนย้าย, การสต็อกสินค้า ฯลฯ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า โลจิสติกส์ นั้นเกี่ยวข้องกับบริษัทขนส่งขนาดใหญ่เสียส่วนใหญ่ แต่ที่แท้จริงแล้วโลจิสติกส์มันสอดคล้องกับสตาร์ทอัพเช่นกัน และธุรกิจนี้ยังมีแนวเติบโตได้อีกอย่างมากที่สามารถสร้างมูลค่ามหาศาลต่อปี
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
นิยามความหมายของ
โลจิสติกส์ อาจจำกัดความได้ว่า การลื่นไหลของห่วงโซ่อุตสาหกรรม
ซึ่งจะมีบทบาทควบคู่กับเรื่องซัพพลายเชน ที่แม้จะถูกกล่าวถึงในทำนองเดียวกัน
แต่ไม่เหมือนกัน จะเรียกว่าซัพพลายเชนคือระบบ แต่โลจิสติกส์คือตัวแปรก็ได้
ทั้งสองต้องสอดคล้องกันจึงจะเรียกว่าระบบ โลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งนั่นหมายถึง การบริหารจัดการที่เป็นระบบ วางแผนการเคลื่อนย้าย คำนวณได้ล่วงหน้า
และลดต้นทุน
ทั้งนี้ หลังจากชาติเอเชียรวมทั้งไทยโหมโรงมานานหลายปี
ซึ่งปี 2563 สิ้นสุดการรอคอยเพราะประเทศต่างๆ ประกาศนำเทคโนโลยียุคที่ 5 หรือ 5G มาใช้อย่างเป็นทางการภายในปีนี้ ทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจขนส่ง ต่างก็ออกมาคาดการณ์ไปในทิศทางบวกว่า ธุรกิจโลจิสติกส์จะเติบโตแบบก้าวกระโดดและสร้างมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นมหาศาลต่อปี เพราะได้รับอานิสงส์จาก
5G
เนื่องจากเทคโนโลยีนี้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ
ผ่านอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง หรือ IoT (Internet
of Things) ทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีศักยภาพสูง ที่สำคัญจะผลักดันให้มูลค่าเติบโตสูงขึ้น
3 เท่า คือจากที่มูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2018 จะเพิ่มเป็น 7.5
หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025 เลยทีเดียว
แนวโน้มการเติบโตดังกล่าวบ่งชี้ว่า ธุรกิจการขนส่งและโลจิสติกส์แห่งอนาคตจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
จากการนำเทคโนโลยียุคที่ 5 หรือ 5G มาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจ โดย 4 เทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทต่อภาคอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์อย่างมากในประเทศไทยนั้น ประกอบด้วย
1. อินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (Internet of Things)
2. ปัญญาประดิษฐ์และการวิเคราะห์ข้อมูล(Artificial Intelligence and Data Analytics)
3. ระบบอัตโนมัติ (Automation) และ
4. บล็อกเชน (Blockchain)
วิธีเรียกใช้โปรแกรมสื่อสารระหว่างแอปพลิเคชัน
ไม่ว่าแอปพลิเคชันนั้นจะทำงานอยู่บนอุปกรณ์ใดก็ตาม (Application
programming interface : API)
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในเทคโนโลยีเพื่ออนาคตอย่างเหมาะสม เป็นการรักษาความได้เปรียบทางธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ และมีแนวโน้มว่าประเทศไทยจะได้เห็นเทคโนโลยีลูกผสมเพิ่มขึ้นในปี 2020 ซึ่งจะทำให้กระบวนการทำงานยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการในยุคที่เกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง กระบวนการทุกขั้นตอบเป็นไปอย่างรวดเร็ว แบบเรียลไทม์อย่างมีเสถียรภาพ
LogTech กุญแจสู่ความสำเร็จของธุรกิจ
คุณศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี (BIC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช.) บอกว่า เทคสตาร์ทอัพ นับเป็นหนึ่งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ 5G ที่กำลังถูกจับตามองมากที่สุด ด้วยอัตราการเติบโตของเทคโนโลยีสมัยใหม่
และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ด้านบริการที่มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง จากบรรดาสตาร์ทอัพเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า
โดยเฉพาะผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่สนใจเข้าไปลงทุนเทคสตาร์ทอัพ โอกาสเริ่มต้นธุรกิจก้าวสู่ความสำเร็จได้ไม่ยากหากนำเทคโนโลยี 5G มาประยุกต์ใช้ควบคู่กับ 4 กลุ่มเทคโนโลยี ประกอบด้วย
กลุ่มเทคโนโลยีภาครัฐและการศึกษา (GovTech & EdTech), กลุ่มเทคโนโลยีการเงิน
(FinTech), กลุ่มเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ (PropertyTech)
และ กลุ่มเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการผลิตแห่งอนาคต (IndustryTech)
ซึ่งมีกลุ่มโลจิสติกส์ หรือ LogTech เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญ
การพัฒนาด้านบุคลากรด้าน LogTech
แม้ว่าปัจจุบัน LogTech ในประเทศไทยยังอยู่ในระยะเริ่มต้น
ด้วยข้อจำกัดด้านปัจจัยการผลิต ทั้งแหล่งทุนและบุคลากร
ซึ่งมีลักษณะพิเศษเฉพาะอุตสาหกรรม ส่วนในแง่ของทุนยังคงมีข้อจำกัดเช่นกัน เนื่องจากเทคสตาร์ทอัพทางกลุ่มสถาบันการเงินไทย
ยังไม่กล้าปล่อยสินเชื่อเพราะยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ทำให้สถาบันการเงินพิจารณาปล่อยสินเชื่อเป็นไปด้วยความระมัดระวัง
ขณะที่ในแง่ของบุคลากร
กระดูกสันหลังของ LogTech คือ
วิศวกรซอฟท์แวร์ ซึ่งเป็นผู้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
การผลิตบุคลากรสาขานี้ของไทยยังจำกัด ที่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในมหาวิทยาลัยของรัฐหรือในกำกับของรัฐ
ทำให้สัดส่วนธุรกิจเกิดใหม่ในสาขาขนส่งและการคมนาคม (หมวดโปรแกรมคอมพิวเตอร์
และหมวดบริการสารสนเทศอยู่ในสาขานี้) คิดเป็นเพียง 7% ของทั้งหมด ซึ่งสาขาดังกล่าวจะเป็นเป้าหมายลำดับที่
5 ของธุรกิจ LogTech เกิดใหม่
พัฒนา LogTech ต้องยกระดับด้านงานวิจัย
สอดคล้องกับความคิดเห็นของของ คุณพนัส
วัฒนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด
ผู้นำตลาดในภาคธุรกิจขนส่งมากว่า 50 ปี ระบุว่า ธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศเกือบ
100% เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเข้าไปเกี่ยวของเกือบทุกภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย
แต่กระนั้นหัวใจหลักของธุรกิจโลจิสติกส์เติบโตได้อย่างยั่งยืน
คือ การวิจัย และการพัฒนานวัตกรรมด้านโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการและการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้า
ในแต่ละภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“การยกระดับอุตสาหกรรมภาคการขนส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศให้แข็งแกร่ง
และเติบโตยิ่งขึ้นนั้น ผู้ประกอบการต้องเดินหน้าสนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการขนส่งในรูปแบบใหม่ๆ
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมทั้งสร้างผู้ประกอบการใหม่ที่จะเดินหน้าไปลงทุนด้านเทคสตาร์ทอัพทุกรูปแบบ ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาล
เมื่อมีเข็มทิศชัดเจนผู้ประกอบธุรกิจย่อมดำเนินธุรกิจไปได้ด้วยดี ไม่เกิดการสะดุด
กลางคัน และหากมีแหลงเงินทุนเพื่อผู้ประกอบการด้วยยิ่งไปได้สวยอีกหลายเท่าตัว”
คุณพนัส ให้ความคิดเห็นว่า จากประสบการณ์และทิศทางการทำงานมาตลอดกว่า 50 ปีที่ผ่านมา บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด ได้เฟ้นหาบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถ ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันเข้าสู่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เพราะคนกลุ่มนี้สามารถเชื่อมไอเดียธุรกิจได้หลากหลาย และเทคสตาร์ทอัพ ที่เกิดใหม่ในกลุ่ม LogTech ไปสู่องค์กรหรือบริษัทที่แสวงหาไอเดียธุรกิจหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ในรูปแบบ Open Innovation มีความต้องการบุคลากรคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วมธุรกิจด้วยทำให้องค์การหรือบริษัทเดินไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง ดังนั้น LogTech สามารถตอบสนองนโยบายและทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ รวมถึงสนับสนุนการก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในอนาคต
ปี 2020 ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ก็กำลังเข้าสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และครั้งสำคัญของระบบขนส่งของประเทศไทย ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่าเทคโนโลยีจะไม่ส่งผลกระทบที่เลวร้ายต่ออุตสาหกรรมการขนส่งเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นๆ แต่เทคโนโลยีที่ทันสมัยกลับจะช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงาน ขั้นตอนการขนส่ง และการติดตามสินค้าจากเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น สร้างประสบการณ์ใหม่ และความประทับใจให้กับผู้บริโภค