ดูความสำเร็จ! ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจีน ที่ SME ประยุกต์ใช้ได้
‘หลัวซือเฝิ่น’ บะหมี่หอยขมพริกเผาสุดโด่งดังของจีน
เมนู Signature
เมืองหลิ่วโจว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง มีที่มาจาก ‘หลัวซือ’
ซึ่งเป็นหอยชนิดหนึ่งคล้ายหอยขมบ้านเรา นำมาเคี่ยวกับกระดูกหมู เครื่องเทศ
(โป๊ยกั๊ก อบเชย) และพริกนานาชนิด จนได้เป็นน้ำซุปรสชาติเผ็ดกลมกล่อม ส่วนคำว่า
‘เฝิ่น’ ในภาษาจีนก็คือ เส้นหมี่สีขาวที่มีความเหนียวหนึบ
ประกอบกับเครื่องเคียงสารพัดเช่น หน่อไม้ดอง ถั่วลิสง ฟองเต้าหู้กรอบ
หัวไชเท้าแห้ง เห็ดหูหนูดำ ผักสด ไข่พะโล้ และปีกเป็ดตีนเป็ด
เนื่องด้วยความปังของ
‘หลัวซือเฝิ่น’ ซึ่งกำลังฮอตฮิตติดเทรนด์โลกโซเชียลมีเดียจีน
ส่งผลให้รัฐบาลแดนมังกรได้ประกาศให้เมนู ‘หลัวซือเฝิ่น’ กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ระดับชาติชุดล่าสุด
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา
เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมบะหมี่ของกว่างซีเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง เมื่อเร็วๆ นี้รัฐบาลกว่างซีจึงได้ประกาศแผนปฏิบัติการเพื่อเร่งผลักดันอุตสาหกรรมหลัวซือเฝิ่น และอุตสาหกรรมเส้นขาวที่มีเอกลักษณ์ของกว่างซีสู่การพัฒนาเชิงคุณภาพ มุ่งสู่การพัฒนาสู่ระบบอุตสาหกรรมและการแนะนำให้ภาคธุรกิจขยายตลาดต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายในปี 2568 ห่วงโซ่อุตสาหกรรมเส้นของกว่างซีจะสร้างรายได้จากการจำหน่ายได้มากกว่า 1 แสนล้านหยวน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยแนวทางสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมบะหมี่ของกว่างซีให้ความสำคัญกับการผลิต
การแปรรูป การจำหน่าย
และการเพิ่มมูลค่าสินค้าตลอดกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำไปสู่ปลายน้ำ ได้แก่
1.
การพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมเส้นบะหมี่
2. การส่งเสริมการคลัสเตอร์ธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรม
3. การส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี (Core
Technology)
4. การพัฒนาแบรนด์ ซึ่งเป็นหนทางสู่การขยายตลาด
5. การเพิ่มมาตรฐานการกำกับดูแลตลาดและมาตรฐานสินค้า
6.
การส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงผสมผสานกับวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว
ซึ่งสูตรสำเร็จของการพัฒนาอุตสาหกรรมเส้นขาวในกว่างซียังไม่หมดเพียงเท่านี้
การศึกษาและบ่มเพาะบุคลากรเพื่อป้อนสู่ภาคอุตสาหกรรม เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้อุตสาหกรรมเส้นขาวและบะหมี่มีรากฐานที่มั่นคง
ด้วยมีการจัดตั้ง ‘วิทยาลัยเส้นหมี่หลัวซือเฝิ่น’
เป็นที่แรกของสถาบันวิทยาลัยเทคนิคอาชีวะหลิ่วโจว (Liuzhou Vocational
& Technical College) เพื่ออบรมและพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีองค์ความรู้ที่ทันสมัยในด้านการผลิตและการพัฒนาธุรกิจ
ที่สอดคล้องกับระบบนิเวศและเศรษฐกิจกระแสใหม่
เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว
ความโดดเด่นในเรื่องรสชาติ
ซึ่งมีทีเด็ดอยู่ที่น้ำซุปรสหอยขมรสชาติเผ็ดจัดจ้านที่ผสมผสานกับเครื่องเคียงที่หลากหลาย
ประกอบกับการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาด e-Commerce
และเทคโนโลยีสื่อสารออนไลน์ในยุคดิจิทัล ช่วยให้ ‘หลัวซือเฝิ่น’
ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนทำให้ขณะนี้ ‘หลัวซือเฝิ่น’ มีจำหน่ายกว่า 100
ประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย
โดยปี 2563 ที่ผ่านมา #หลัวซือเฝิ่น มักติดเทรนด์อันดับหนึ่งในเวยปั๋ว (ทวิตเตอร์ของจีน)
อยู่บ่อยครั้ง และในรายงานของ iiMedia Research เผยว่า
ปีที่แล้วหลัวซือเฝิ่นกึ่งสำเร็จรูปของเมืองหลิ่วโจวมีมูลค่าการผลิตกว่า 9
พันล้านหยวน หรือประมาณ 45,000 ล้านบาท (ปัจจุบันตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของประเทศไทยมีมูลค่าราว
17,000 ล้านบาท) โดย 51.54%
ของผู้บริโภคซื้อหลัวซือเฝิ่นผ่านร้านออนไลน์ และ 22.03% ซื้อผ่านการไลฟ์สด เช่น
การไลฟ์สดของ KOL ชื่อดังชาวจีน Austin Li (หลี เจียฉี) ขายหลัวซือเฝิ่น 26,000 กล่อง (ราว 2.6
แสนห่อ) หมดเกลี้ยงภายใน 2 นาที
นอกจากนี้ข้อมูลที่น่าสนใจจากเมืองหลิ่วโจว
พบว่า ช่วง 5 เดือนแรก ปี 2564 เมืองหลิ่วโจวมีกำลังการผลิตเฉลี่ยต่อวัน
5.06 ล้านห่อ สร้างยอดขายรวม 76,400
ล้านหยวน และมีการส่งออกไปต่างประเทศ 48 ล็อต
คิดเป็นมูลค่าส่งออกราว 9.8 ล้านหยวน
ขยายตัว 132.8%
SME ไทย มองเป็นเห็นโอกาส
ปรากฎการณ์ ‘หลัวซือเฝิ่น’ เป็นอีกแนวทางที่น่าสนใจที่ภาครัฐ
SME
ไทยสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจอาหารไทยพร้อมทาน (Ready
to Eat) ภายใต้ยุทธศาสตร์ ‘ครัวไทยสู่ครัวโลก’
โดยมุ่งเน้นการบูรณาการตลอดห่วงโซ่อุปทานของสินค้าและบริการด้านอาหาร ซึ่งการพัฒนาปัจจัยสนับสนุนในการพัฒนาสินค้าอาหารในรูปแบบของสถาบันการศึกษาเฉพาะทาง
เพื่อให้การผลิต-การส่งออกสินค้าอาหารไทยมีคุณภาพ มาตรฐาน ความเป็นไทยแท้ และการพัฒนาช่องทางจำหน่ายทางดิจิทัลให้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
นอกจากนี้สิ่งที่ควรคำนึงก็คือ ‘อาหารเพื่อสุขภาพ’
ซึ่งเป็นหนึ่งในเทรนด์กำลังได้รับความนิยมในจีนอย่างต่อเนื่อง
จึงเป็นโอกาสสำหรับภาคธุรกิจไทยในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารรูปแบบต่างๆ ตอบโจทย์สังคมจีน
ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่า (Value Added)
ให้กับอาหารบ้านเราได้อีกมาก เช่น ปลาร้า กุญเชียง หรือปลาสลิดแดดเดียวเพื่อสุขภาพ
เป็นต้น
แหล่งอ้างอิง : ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน
ณ นครหนานหนิง