ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ความงาม หรือเครื่องสำอางแบรนด์สัญชาติไทย
เรียกได้รับการยอมรับไม่แพ้แบรนด์ดังยุโรป ญี่ปุ่น หรือเกาหลี
โดยเฉพาะสาวจีนยุคใหม่ชื่นชอบเป็นพิเศษ
ในช่วงยังไม่เกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของฝากที่นิยมซื้อไปฝากญาติมิตรหรือเพื่อนฝูง
คงหนีไม่พ้นสินค้าเพื่อความงาม ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ
รวมไปถึงผลิตภัณฑ์สปา
โดยพบว่าแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ มิสทีน (Mistine) สเนลไวท์ (Snail White) บิวตี้ บุฟเฟต์ (Beauty Buffet) คิวท์เพรส (Cute Press) แอนเจอรี่ (ANJERI) และเรย์ (RAY) จากความนิยมดังกล่าว ทําให้บริษัทผู้ผลิตแบรนด์สินค้าเพื่อความงามของไทยทยอยบุกตลาดจีนกันอย่างต่อเนื่อง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยในช่วงเมื่อ 4-5
ปีที่ผ่านมาตลาดความงามเติบโตขึ้นทุกปี สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ
เมืองชิงต่าว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระบุว่าตลาดเครื่องสำอางในจีนมีอัตราการเติบโตไม่หยุด
สอดคล้องกับข้อมูลจาก Euromonitor ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านวิเคราะห์การตลาด
ได้เปิดเผยข้อมูลว่า นับตั้งแต่ในปี 2560 ยอดขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในจีนมีมูลค่าถึง
186,700 ล้านหยวน หรือเพิ่มขึ้น 10.3% เช่นเดียวกับยอดขายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแต่งหน้ามีมูลค่า
34,400 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 21.3%
โดยชาวจีนนิยมซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบรนด์ดังต่างประเทศมากขึ้น
ในขณะเดียวกันข้อมูลจากกรมสถิติแห่งชาติจีน
ระบุว่ามูลค่าขายปลีกผลิตภัณฑ์ความงามในปี 2561 มีมูลค่าถึง 261,900 ล้านหยวน สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนว่าตลาดผลิตภัณฑ์ความงามในจีนมีขนาดใหญ่มาก
บริษัทไทยส่วนใหญ่เข้าไปทำตลาดจีนส่วนใหญ่จะเน้นช่องทางออนไลน์เป็นหลัก
เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนนิยมซื้อเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบนแพลตฟอร์มออนไลน์
เพราะความสะดวกและประหยัดเวลา ทำให้ทิศทางการซื้อขายออนไลน์ในจีนยังคงขยายตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงตลอด
10 ปีที่ผ่านมา โดยเมื่อปี 2551 ตลาดจีนมีมูลค่าการซื้อขายทางธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ คิดมูลค่ารวมทิ้งสิ้น 3.14
ล้านล้านหยวน จากนั้นก็ทยอยเพิ่มขึ้นไม่หยุด โดยปี 2561 มีมูลค่ารวมสูงถึง 31.63 ล้านล้านหยวน
ซึ่งขยายตัวถึง 10 เท่าในช่วงระยะเวลา 10 ปี
ทำให้จีนครองแชมป์ตลาดซื้อขายปลีกผ่านระบบออนไลน์ใหญ่ที่สุดในโลก
“มิสทิน” แบรนด์ไทยรายแรกเจาะตลาดจีนสำเร็จ
แบรนด์ มิสทิน จากไทย ถือว่าเป็นเจ้าแรกที่เข้าไปรุกทำตลาดอย่างจริงจังในช่วงระยะเวลา
2-3 ปีที่ผ่านมา โดยสามารถทำยอดขายในปี 2562 สูงถึง 5,000 ล้านบาท ซึ่ง 90%
ของยอดขายมาจากการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยมิสทีนสามารถทำยอดขายติดอันดับ TOP
10 แบรนด์เครื่องสำอางที่มียอดขายสูงสุดอันดับ 7 บน TMALL เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา
และสินค้าเครื่องแต่งหน้าของมิสทีนก็มียอดขายเป็นอันดับ 1
แซงหน้าแบรนด์อินเตอร์หลายแบรนด์ในบางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน
ส่วนการทำตลาดออฟไลน์มิสทีนเข้าไปเปิดร้านสาขาแรกที่ Super Brand Mall ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าสัญชาติไทยในเซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2561
“Zenn” แบรนด์น้องใหม่มาแรงปีเดียวกวาด 600 ล้านบาท
อีกแบรนด์สัญชาติไทยที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมในตลาดจีนอย่างมากนั้นก็คือ
แบรนด์ Zenn ซึ่งเป็นแบรนด์เครือเดียวกันกับ Tokyo
Dolls สัญชาติไทยขนาดแท้ โดยยอดขายของแบรนด์ Zenn ในประเทศจีนเมื่อปี 2562
ประมาณกว่า 2 ล้านชิ้น ราคาขายหน้าร้านในประเทศจีนชิ้นละประมาณ 200-300 บาท
คิดเป็นยอดขายก็ประมาณ 600 ล้านบาทเลยทีเดียว
ทั้งนี้สาเหตุที่แบรนด์ Zenn สามารถเจาะตลาดจีนจนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
เพราะ
1. วาง Position อย่างชัดเจนว่า ตำแหน่งของแบรนด์สินค้าจะอยู่ในจุดไหน
กลุ่มเป้าหมายคนจีนที่จะมาเป็นลูกค้าคือเป็นผู้หญิง อายุ 18-35ปี
ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นและสาววัยทำงานสมัยใหม่
2. วาง Brand character กำหนดตัวตนของแบรนด์ให้ชัดเจน
แต่ละโพสต์ที่ลงในเว็บไซต์ Weibo เน้นแฟชั่นสมัยใหม่ และสีสันของคนรุ่นใหม่
เรียกได้ว่า ปรับสไตล์ให้ทำเข้ากับผู้หญิงจีนที่ชอบแต่งหน้าแนวสีสันสดใส
3. วางกลยุทธ์การตลาด ทั้งระยะสั้น
ระยะกลาง และระยะยาว ให้สอดคล้องกับ ข้อ 1 และ 2
กำหนดแผนทำตลาดให้ถูกจริตของกลุ่มผู้บริโภคชาวจีน
สำหรับแบรนด์ Zenn วางแผนระยะสั้นและกลางในการทำตลาดจีน คือทำให้คนจีนเริ่มรู้จักจนมี
Distributor ติดต่อเข้ามา
ซึ่งขั้นตอนนี้สามารถใช้สื่อออนไลน์ช่วยทำให้คนจีนรู้จักและไปเตะตา Distributor
ได้ เช่น การใช้ KOL (Key Opinion Leader) ผู้นำทางความคิด
Celeb ในโลกออนไลน์หรือเน็ตไอดอล หรือคนที่มีผู้ติดตามจำนวนมากในโลกออนไลน์
พอเริ่มเป็นที่รู้จักและมี Distributor ติดต่อเพื่อนำไปจำหน่ายในจีน
สิ่งที่ทางแบรนด์ Zenn ทำต่อไป คือการกำหนดแผนระยะยาวว่าจะอยู่ในตลาดจีนได้เช่นไร
แนวทางจัดจำหน่ายแบบไหน ซึ่งทางแบรนด์ Zenn ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะต้องขายใน
Modern Trade ให้ได้
เพื่อที่จะเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ขายในจีนระยะยาว และเน้นสร้าง Product
ให้ถูกจริตของคนจีน
ทุกวันนี้ประเทศจีนไม่เพียงแต่เป็นโรงงานผลิตสินค้าสำคัญของโลก
แต่ด้วยตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ที่มีประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคนแล้ว ยังเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อมหาศาล
ตลาดจีนจึงเป็นที่หมายปองของผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ อยากเข้าไปแย่งส่วนแบ่งการตลาดในทุกวงการธุรกิจ
รวมทั้งตลาดความงามด้วยเช่นกัน
แหล่งอ้างอิง : ถอดบทเรียนแบรนด์เครื่องสำอางไทย
กวาดยอดขายหลักร้อยล้านบาทที่จีน ใน 1ปี #อ้ายจง
https://www.blockdit.com/posts/5ec7bc6f7fee701cb5fc5bd2