การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือ “สมาร์ทซิตี้” เป็นเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ไม่เพียงรัฐบาลไทยเท่านั้นที่ให้ความสำคัญ
แต่นโยบายนี้กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก เพื่อมุ่งหวังยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสอดคล้องกับยุค
Thailand 4.0
หลักใหญ่ใจความของสมาร์ทซิตี้ เป็นรูปแบบการประยุกต์เทคโนโลยีดิจิตัล หรือข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสารในการเพิ่มประสิทธิและคุณภาพของบริการชุมชน เพื่อช่วยในการลดต้นทุนและลดการบริโภคของประชากร โดยยังคงเพิ่มประสิทธิภาพให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยได้ในคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แนวคิดนี้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการพัฒนาเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สำหรับประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้
โดยมีพื้นที่เป้าหมายที่คัดเลือกเป็นเมืองอัจฉริยะต้นเเบบ 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่
ภูเก็ต ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา โดยความร่วมมือของ 3 กระทรวง คือ กระทรวงพลังงาน
กระทรวงคมนาคม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งได้มีการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนต่างก็มีนโยบายให้ความสำคัญกับการผลักดันการพัฒนาสมาร์ทซิตี้เช่นเดียวกัน
โดย มี "สิงคโปร์" เป็นประเทศแรกที่ริเริ่มการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
ขณะที่ประเทศน้องใหม่ในกลุ่ม CLMV อย่าง "เมียนมา" ได้มุ่งพัฒนา “มัณฑะเลย์” อดีตเมืองหลวงและเมืองใหญ่อันดับสอง ให้กลายเป็นสมาร์ทซิตี้แห่งแรกของเมียนมาสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะมาเป็นเวลา
2 ปีมาแล้ว
ตามข้อมูลจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส การพัฒนาเมืองมัณฑะเลย์เกิดจากแนวคิดของ “เย ลวีน”นายกเทศมนตรีของมัณฑะเลย์หลังรัฐบาลพลเรือนของเมียนมาชนะเลือกตั้งในปี 2015 ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาเมืองมัณฑะเลย์ โดยเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาครั้งนี้ คือเมียนมาต้องการสร้างเมืองที่สามารถนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ให้เป็นเมืองน่าอยู่ด้วยระบบเศรษฐกิจที่ดี จากเดิมที่เมืองนี้เคยประสบปัญหาทั้งเรื่องการจราจรติดขัด ความแออัด และปัญหาขยะ
สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ในช่วง
2 ปีที่ผ่านมา
เมียนมาได้มีการผลักดันให้มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศติดต่อสื่อสารกันโดยตรงระหว่างประชาชนและหน่วยงานภาครัฐผ่านทางอีเมล์และโซเชียลมีเดีย
สำหรับเงินทุนสนับสนุนมาจาก 2 ส่วนคือ ธนาคารพัฒนาเอเชีย(ADB) เป็นแหล่งทุนสนับสนุนโครงการนี้ส่วนหนึ่ง
แต่เงินทุนส่วนใหญ่มาจากการจัดเก็บภาษีภายในเมืองเอง เพื่อนำไปพัฒนาระบบต่างๆ อาทิ
ระบบการบริหารจัดการขยะมูลฝอย ระบบแก้ปัญหาการจราจร
ระบบควบคุมการจราจรภายในเมืองด้วยรีโมตเซ็นเซอร์ เป็นต้น
ทั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท หัวเว่ย
ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนได้เสนอข้อตกลงความร่วมมือระหว่างเมืองมัณฑะเลย์เพื่อติดตั้งกล้องวงจรปิดภายใต้โครงการ
เมืองปลอดภัย ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของเมืองอัจฉริยะด้วย
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเมืองอัจฉริยะไม่ได้ราบรื่น 100% เพราะยังมีการคัดค้านจากนักเคลื่อนไหวบางกลุ่มที่กังวลถึงผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยี ดังนั้น การพัฒนาสมาร์ทซิตี้ก็ยังถือว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย ซึ่งอาจจะเป็นโอกาสการทำธุรกิจสำหรับภาคเอกชนในอุตสาหกรรมสื่อสารหรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในอนาคต
ความสำเร็จ 6 เมือง “Smart City” ระดับโลก
ปั้น 4 เมืองของไทยขึ้นชั้น Smart City