Beijing Stock Exchange (BSE) หรือตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่ง กำลังถูกตามองเป็นพิเศษในด้านตลาดเงินทุนใหม่ของประเทศจีน
หลังจากนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน
ประกาศจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่งในระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในงานมหกรรมการค้าภาคบริการนานาชาติแห่งประเทศจีน
(CIFTIS) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-7 กันยายน ที่ผ่านมา
โดยตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่ง
จะกลายเป็นแหล่งเงินทุนใหม่ถัดจากตลาดหลักทรัพย์ระดับประเทศ 2 แห่ง ได้แก่
ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (SSE) ซึ่งบริษัทจดทะเบียนใน SSE
ส่วนมากเป็นรัฐวิสาหกิจและบริษัทเทคโนโลยีชั้นสูงที่จดทะเบียนใน STAR
Market ของ SSE และตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น (SZSE)
ซึ่งบริษัทจดทะเบียนใน SZSE ส่วนมากเป็นบริษัทเอกชนขนาดใหญ่
และบริษัทที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของธุรกิจที่จดทะเบียนใน Second-board
Market ของ SZSE
อย่างไรก็ดี
นอกจากตลาดหลักทรัพย์เซียงไฮ้และตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นแล้ว
จีนยังมีตลาดทุนที่สำคัญที่เรียกว่า NEEQ เปิดดำเนินการเมื่อปี
2556 มีสำนักงานตั้งอยู่ที่กรุงปักกิ่ง
โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นตลาดทุนสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ของจีน ที่ยังไม่สามารถเข้าไปจดทะเบียนในกระดานหุ้นหลัก (Main
Board) และยังนับว่าเป็นการเข้าสู่ตลาดทุนก่อนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
(pre-listing) อีกด้วย NEEQ ประกอบด้วย
3 ส่วน ได้แก่
1. NEEQ Base
2. NEEQ Innovation
3. NEEQ Select (ระดับสูงสุด)
โดย ณ วันที่ 10
กันยายน 2564 มีบริษัทที่จดทะเบียนใน 3
ส่วนดังกล่าวเป็นจำนวน 5,967 แห่ง 1,248
แห่ง และ 66 แห่งตามลำดับ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ความคืบหน้าการจัดตั้ง ‘ตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่ง’
ในขั้นต้นบริษัท NEEQ
Select ทั้ง 66 แห่ง จะโอนย้ายไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่งที่จัดตั้งใหม่ทั้งหมด
ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมกันประมาณ 1.86 แสนล้านหยวน โดยส่วนมากอยู่ในภาคการผลิต
และตามคำกล่าวของประธานาธิบดีจีน ตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่งจะเป็นแพลตฟอร์มสนับสนุนการพัฒนา
การจัดหาเงินทุน และให้บริการแก่ธุรกิจ SME โดยเฉพาะธุรกิจนวัตกรรมและเทคโนโลยี
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564
สำนักงานกำกับดูแลตลาดแห่งชาติจีน (SAMR) ได้จดทะเบียนบริษัท
Beijing Stock Exchange Co., Ltd. (BSE)
โดยมีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านหยวน ซึ่งมีผู้ถือหุ้นรายเดียวเป็น
NEEQ และนายสวี่ หมิง ประธาน NEEQ เป็นตัวแทนนิติบุคคลและประธานของบริษัท
BSE
ซึ่งคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์แห่งชาติจีน
(CSRC)
ได้ประกาศกฎระเบียบพื้นฐานต่างๆ ของตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่ง เพื่อขอรับความคิดเห็นจากประชาชน
พร้อมแถลงว่า
การจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงของจีน
รวมทั้งช่วยเพิ่มโอกาสในการจัดหาเงินทุนของ SME จีน
นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่งประกาศทดสอบระบบซื้อขายหุ้นของ
BSE
โดยการทดสอบแบ่งเป็นสองครั้ง ครั้งแรกวันที่ 25 กันยายน 2564
และครั้งที่สองวันที่ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมา
คาดหวังตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่งพัฒนาเป็น ‘Nasdaq
ของจีน’
จากการที่จีนประกาศจัดตั้งหลักทรัพย์ปักกิ่ง
ทำให้เสียงฮือฮาถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ และความสำคัญของตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่นี้
จนบางส่วนนึกไปถึงว่าตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่งอาจพัฒนาเป็น ‘Nasdaq
ของจีน’
โดยการเปรียบเทียบดังกล่าวมาจากการที่ในช่วงเริ่มต้นของการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์
Nasdaq
ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายหุ้นสำหรับบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กของสหรัฐอเมริกาเมื่อปี
2514 ได้ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีที่มีสินทรัพย์ทางปัญญาเป็นส่วนใหญ่
และไม่มีสินทรัพย์ที่จับต้องได้อย่างที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างเพียงพอที่จะผ่านกฎเกณฑ์การจดทะเบียนของตลาดตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
(New York Stock Exchange หรือ NYSE)
ปัจจุบัน Nasdaq ได้พัฒนาเป็นตลาดหลักทรัพย์ใหญ่เป็นลำดับที่ 2 ของสหรัฐอเมริกา
โดยมีบริษัทเทคโนโลยีระดับชั้นนำของโลกจดทะเบียน เช่น Apple, Microsoft,
Amazon, Google และ Facebook
สำหรับตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่งนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า
จะเป็นแพลตฟอร์มช่วยบรรเทาปัญหาการจัดหาเงินทุนยากของธุรกิจ SME
จีน รวมทั้งส่งเสริมการบริโภค เนื่องจากธุรกิจ SME เป็นกลุ่มธุรกิจหลักของการจ้างงานในจีนและสร้างรายได้ให้ประชาชน
ขณะที่บางส่วนมองว่า
อาจยังไม่ควรคาดหวังกับบทบาทของตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนมากเกินไป
เนื่องจากปัญหาที่ธุรกิจ SME
เผชิญนอกเหนือจากปัญหาการจัดหาเงินทุนยากแล้ว ยังมีปัญหาอื่นๆ
อีกด้วย เช่น
ปัญหาต้นทุนแรงงานและต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด
19
ตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่งคือความพยายามของจีน ในการสนับสนุนและดึงดูดให้บริษัทแดนมังกรกลับมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่งมากขึ้น
แทนการจดทะเบียนในต่างประเทศ จึงเป็นที่น่าจับตาว่าตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่งจะสามารถเป็นคำตอบในการส่งเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ
SME
จีน พัฒนาไปสู่ตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของภูมิภาคและของโลก
ลดการพึ่งพาต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯ
แหล่งอ้างอิง : ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีน
ณ กรุงปักกิ่ง