โอกาสการค้าออนไลน์เชื่อมไทย-จีนตอนใต้

จีนตอนใต้นับเป็นพื้นที่มีอาณาเขตใกล้กับประเทศไทยมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นของประเทศจีน มีความต้องการสินค้าจำนวนมาก ต้องอาศัยการนำเข้าจากประเทศไทยซึ่งรวดเร็วกว่าการขนส่งจากประเทศจีนด้วยกันเอง 

ปัจจุบันเส้นทางบกที่เชื่อมโยงประเทศไทยกับจีนตอนใต้มีหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นเส้นทาง R3A เชื่อมโยงไทย-สปป.ลาว-จีน ซึ่งหากนับรวมระยะทางตั้งแต่กรุงเทพไปจนถึงเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนานระยะทางทั้งสิ้น 1,858 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีเส้นทาง R9 ผ่านไปทางประเทศเวียดนาม และเส้นทาง R12 เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเส้นทางบกด้วย  

ซึ่งเส้นทางบกที่ใกล้และสะดวกที่สุด คือเส้นทาง R3A จากเชียงของ จังหวัดเชียงราย ไปยังบ่อเต็น สปป.ลาว เมืองสิบสองปันนา แล้วต่อไปยังเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ทั้งยังสามารถเชื่อมโยงไปยังมณฑลกุ้ยโจว และมณฑลเสฉวน ซึ่งทั้ง 3 มณฑล มีประชากรรวมกันประมาณ 400 ล้านคน ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ สำหรับรองรับสินค้าไทย 

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

อย่างไรก็ตามในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ส่งผลให้รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การเดินทางขนส่งสินค้าทำได้ลำบาก ต้องปรับตัวรับวิถีผู้บริโภคใหม่ (New Normal) ที่ผู้บริโภคจะใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น  

ซึ่งผู้ประกอบการไทยต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาฐานตลาดจีนตอนใต้ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เพราะจีนได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ฟื้นตัวจากโควิดอย่างรวดเร็ว  

"การค้าออนไลน์ข้ามพรมแดน" เป็นคำตอบของการขยายตลาดยุค New Normal โดยมีสถิติที่พบว่ายอดขายสินค้าในช่องทางนี้เติบโตอย่างรวดเร็วมากขึ้น โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 T Mall Global รายงานสถิติการนำเข้าและบริโภคสินค้าในปี 2563 ว่าสินค้า 5 กลุ่มที่ผู้บริโภคชาวจีนให้ความนิยมสั่งซื้อมากขึ้น คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีความแปลกใหม่, กลุ่มอาหารและผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยง, กลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์เสริมความงามในระดับมืออาชีพ, กลุ่มสินค้าพื้นเมืองจากต่างประเทศ และกลุ่มสินค้าของดาราและบล็อกเกอร์ชื่อดัง 

ทั้งนี้เป็นเพราะว่าผู้บริโภคชาวจีนมีจำนวนมาก มีพฤติกรรมที่ต้องการสินค้าที่มีความหลากหลาย และแปลกใหม่และสร้างสรรค์มากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรง ซึ่งผู้ผลิตสินค้าไทยต้องติดตามศึกษาข้อมูลอย่างใกล้ชิด  

ตัวอย่างสินค้าอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพที่เริ่มมาแรงในตลาดจีน จะเป็นกลุ่มที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก สารบำรุงผิวพรรณเพื่อความงาม เนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช หรือ Plant Base Meat นมจากพืช ลูกอม หรือเยลลี่ที่มีส่วนผสมของสารอาหารและวิตามินต่างๆ เช่น ลูกอมเมลาโทนอน เยลลี่น้ำมันตับปลา รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับเสริมความงาม เช่น มาร์กหน้า ครีมบำรุงผิว เติบโตถึง 200%  

ขณะเดียวกันการใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้ชาวจีนนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไว้เป็นเพื่อน โดยให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเทียบเท่ากับการเลี้ยงลูก จึงมุ่งแสวงหาสินค้าที่มีคุณภาพสำหรับสัตว์เลี้ยง ทั้งขนมและเครื่องดื่มสำหรับสัตว์เลี้ยง เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์โถส้วมสัตว์เลี้ยง เป็นต้น 

นอกจากนี้การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ จากเดิมที่เป็นชาติที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก ประเด็นนี้ทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางไปจับจ่ายซื้อสินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศไม่สามารถจะหาซื้อสินค้าได้ ก็จำเป็นต้องพึ่งการซื้อซื้อสินค้าแบรนด์เนมต่างประเทศผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความไลฟ์สไตล์ รสนิยมการบริโภคเน้นสินค้าคุณภาพดี มีเอกลักษณ์ซึ่งจะเป็นสินค้าราคาสูง เช่น นมแพะจากนิวซีแลนด์ นมอูฐจากดูไบ 

เช่นเดียวกับกลุ่มผู้บริโภคที่นิยมสินค้าแบรนด์เนมของกลุ่มเซลิบิตี้ บล็อกเกอร์ และคนดังในต่างประเทศ ที่เข้ามามีอิทธิพลต่อผู้บริโภค ทั้งเทย์เลอร์ สวิฟต์, ชาร์ล็อต ทิลบิวรี่ ซึ่งทางแพลตฟอร์มจำเป็นต้องจัดให้บริการสำหรับขนส่งสินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศโดยตรง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า 

ส่งผลให้แพลตฟอร์มออนไลน์ของ T Mall Global ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีสินค้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศเข้าไปวางจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มนี้แล้วไม่ต่ำกว่า 26,000 แบรนด์ ครอบคลุมประเภทสินค้ากว่า 5,300 ประเภท จาก 84 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย  

ด้วยเหตุนี้ หากผู้ประกอบการไทยสามารถใช้พื้นที่แพลตฟอร์มที่เข้าถึงคนจีนมากขึ้น แถมการจัดส่งในปัจจุบันก็ทำได้สะดวกภายใต้ต้นทุนที่ต่ำกว่าในอดีต โอกาสของตลาดจีนตอนให้จึงมีอีกมาก แถมไม่เฉพาะแต่ตลาดในลักษณะ B2C แต่ยังเปิดโอกาสในตลาด B2B ได้อีกด้วย

สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<