บรรจุภัณฑ์ ปกป้องโลก เมื่อ ‘กล่อง’ ต้องเป็นมากกว่าปกป้องสินค้า
Circular Economy เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไปสู่ความยั่งยืน กลายเป็นแกนสำคัญของการดำเนินธุรกิจในหลายๆ ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านทั้งหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน สถานศึกษา ต่างกำหนดแนวทางในการส่งเสริมสินค้านวัตกรรมและแนวคิดสร้างสรรค์ ภายใต้กรอบ BCG (Bio-Circular-Green Economy) สู่สากล ภายใต้การจัดกิจกรรมส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการจัดการระบบหีบห่อ และการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Circular Packaging towards BCG ภายใต้แนวคิด The Future is Circular
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สู่แนวคิดบรรจุภัณฑ์ ปกป้องโลก
นายสินชัย เทียนสิริ
ผู้อำนวยการสถาบันรหัสสากล อดีตผู้อำนวยการสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม
ระบุว่า การจัดการบรรจุภัณฑ์ที่ดีนั้นทุกภาคส่วนต้อง Collaboration
กัน ร่วมคิด ร่วมทำ และรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการ
ผู้บริโภค หรือภาครัฐอย่างเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการที่ต้องการส่งสินค้าไปต่างประเทศ
ต้องคิดวงจรให้จบตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง อย่ามองแค่ฟังก์ชั่นการปกป้องสินค้า
แต่จะทำอย่างไรให้ปกป้องสินค้าและปกป้องโลกได้ด้วย
ปัจจุบันหลายประเทศให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมาก
บางประเทศกำหนดเป็นมาตรการการนำเข้าสินค้าเลยทีเดียว
ในอนาคตประเด็นนี้อาจจะกลายเป็นกำแพงทางการค้าได้
สื่อสารกับลูกค้าด้วยกล่อง
นายทินกร เหล่าเราวิโรจน์
นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ไทย (ATSI) ให้ความเห็นว่า
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เป็น Smart Packaging ที่สร้างคุณค่าเพิ่มมากกว่าการบอกข้อมูลสินค้า
เพื่อประโยชน์ทั้งในแง่ของธุรกิจและต่อผู้บริโภคว่า Smart Packaging นั้นมี 2 ประเภท คือ Active Packaging มักใช้กับสินค้าประเภทอาหาร
ซึ่งจะช่วยยืดอายุบนชั้นวางสินค้าให้ยาวนานขึ้น และ Intelligent Packaging เพื่อสื่อสารกับลูกค้า เช่น สื่อสารด้วยตัวชี้วัด (Indicator) ที่เป็นสี เพื่อบอกถึงความสด ความสุก สำหรับการรับประทาน เพื่อเก็บข้อมูล
ทั้งการให้และรับข้อมูลด้วย QR Code, RFID หรือ NFC และเพื่อส่งเสริมด้านการตลาด ช่วยสร้างประสบการณ์กับผู้บริโภค
หรือกิจกรรมร่วมสนุกต่างๆ
ด้วยเหตุนี้
การที่แบรนด์จะสื่อสารกับผู้บริโภคในปัจจุบัน การสื่อสารผ่านออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่แสดงออกถึงการใส่ใจต่อโลก
จะสร้างความรู้สึกที่ดีแก่ลูกค้ามากเป็นพิเศษ
เนสท์เล่ ลดปล่อยมลพิษ 100%
ในปี 2050
ขณะที่ นายจิรพัฒน์ ฐานสันโดษ Market
Packaging Manager, Indochina บริษัท เนสท์เล่ ประเทศไทย จำกัด บอกว่า
เนสท์เล่ มีความมุ่งมั่นลดการสร้างมลพิษต่อโลกให้ได้ 100%
ในปี 2050
และเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดของสินค้าให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ในอีก
4 ปีข้างหน้า โดยในข้อสองนี้ได้แบ่งออกเป็น 5 แนวทางการดำเนินงาน คือ
• Reduce ลดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นและลดปริมาณพลาสติกมากเท่าที่เป็นไปได้
ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนักหรือขนาดของบรรจุภัณฑ์
หรือการกำจัดส่วนประกอบที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้บริโภค
• Reuse & Refill ส่งเสริมการใช้นวัตกรรมมากขึ้น
เพื่อช่วยลดผลกระทบของการใช้แล้วทิ้ง
• Alternative Materials การหาวัสดุทดแทนอื่นๆ
ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ เช่น ซองช็อคโกแลต smarties เปลี่ยนจากพลาสติกเป็นกระดาษ
ถุงบรรจุเนสกาแฟที่เคยเป็นพลาสติกก็เปลี่ยนเป็นถุงกระดาษ
• Infrastructure การมองหาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศเพื่อให้บรรจุภัณฑ์มีการนำไปรีไซเคิลอย่างจริงจัง
• Behavior Change การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค
โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านการตลาดของเนสท์เล่ ทั้งด้านการส่งเสริม การโปรโมท
การให้ความรู้ เพื่อนำไปสู่การแยกขยะอย่างถูกต้อง เพื่อให้เกิด Circular
Economy ที่แท้จริง
เมื่อการดูแลและปกป้องโลกเป็นปัจจัยสำคัญของการบริโภคสินค้าทั่วโลกในขณะนี้
ผู้ส่งออกไทยควรเรียนรู้และปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์และหีบห่อให้เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงของโลก
แม้จะต้องใช้เวลาและงบประมาณในการเริ่มต้น
แต่ผลที่ได้รับคือธุรกิจจะสามารถดำเนินต่อไปได้ในระยะยาว และส่งออกได้อย่างยั่งยืน
อ้างอิง : สํานักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์