ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช หรือ Plant
Based Food เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อ
Plant Based Food ไม่ใช่เป็นเพียงอาหารทางเลือก แต่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคต
Plant Based Food (เนื้อจากพืช) ไม่ใช่โปรตีนเกษตรอย่างที่คนไทยคุ้นเคย แต่คือเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช 95% โดยใช้กระบวนการแปรรูปพืชให้มีความใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ทั้งผิวสัมผัสและรสชาติ นับเป็นเทรนด์การรับประทานอาหารแนวใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในต่างประเทศ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืชออกมาหลากหลายรูปแบบให้เลือกสรรที่รู้จักดีในกลุ่ม Vegan ต่างชาติ ก็คือการใช้เนื้อขนุนอ่อนมาแทนเนื้อสัตว์
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ
อย่าลืมกดไลก์
Facebook bangkokbanksme
ผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืชในตลาดสหภาพยุโรป
สหภาพยุโรป (รวมสหราชอาณาจักร)
เป็นตลาดที่มีผู้บริโภคอาหารและเครื่องดื่มทำมาจากโปรตีนจากพืชมากที่สุดของโลก
หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับมูลค่าการจำหน่ายทั้งหมดทั่วโลก
และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 4,400 ล้านยูโร (ประมาณ 162,800 ล้านบาท) เป็น 7,500 ล้านยูโร (ประมาณ 277,500 ล้านบาท) ในปี 2568
(ข้อมูลสถิติจาก ING Research ตุลาคม 2563) ซึ่งส่งผลมาจากความต้องการของผู้บริโภคที่ตระหนักถึงประเด็นด้านสุขภาพความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การเสริมสร้างสวัสดิภาพสัตว์ ความยั่งยืนและเป็นธรรมต่อสังคมโดยรวมเป็นหลัก
จากรายงาน EU Agricultural Outlook for 2018-2030 พบว่า ภายในปี 2573 อัตราการบริโภคเนื้อสัตว์มีแนวโน้มลดลงเหลือ
68.6 กิโลกรัม/คน/ปี จาก 69.3 กิโลกรัม/คน/ปี ในปี 2561
เนื่องจากสัดส่วนผู้บริโภคมังสวิรัติมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
โดยเฉพาะทางตอนเหนือและทางตะวันตกของยุโรป อาทิ สหราชอาณาจักร เยอรมนี อิตาลี
ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก และกลุ่มนอร์ดิก (เดนมาร์ก ฟินแลนด์
ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน) รวมทั้งการขยายตัวของกลุ่ม Flexitarian (กลุ่มผู้บริโภคมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น) ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สุขภาพและจริยธรรม อาทิการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากสัตว์
ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งจากการบริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไป
และการส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์
นอกจากนี้ European Vegetarian Union คาดว่า
ปัจจุบันประชากรในสหภาพยุโรปที่ถือว่าเป็นกลุ่มผู้บริโภคมังสวิรัติประมาณ 30 ล้านคน หรือร้อยละ 6 จากจำนวนประชากรทั้งหมด
โดยที่ผ่านมาบริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ในสหภาพยุโรปมีการเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าที่ใช้โปรตีนจากพืช
หรือควบรวมกิจการกับบริษัทอื่นๆ ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อรองรับความต้องการของตลาด
รวมทั้งยังมีธุรกิจรายใหม่ (Startup)
ที่นำเสนอนวัตกรรมอาหารที่ใช้โปรตีนจากพืชในตลาดสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นทุกปี
ตลาดสินค้าอาหารและเครื่องดื่มจากพืชในสหรัฐฯ
ช่วงปี 2559-2561 ตลาดจำหน่ายปลีกสินค้าอาหารและเครื่องดื่มจากพืชในสหรัฐฯ
ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2562 มีมูลค่าตลาด 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 เมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดในปีก่อนหน้า คาดว่าตลาดสินค้าอาหารและเครื่องจากพืชในสหรัฐฯ
จะยังคงขยายตัวต่อเนื่องไปเป็นมูลค่าตลาด 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2573
พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน
ธุรกิจก็ต้องปรับ
ผู้บริโภคชาวอเมริกันปัจจุบันมีแนวโน้มสนใจทดลองบริโภคสินค้าอาหารและเครื่องดื่มประเภทใหม่ๆ
มากขึ้น
โดยปัจจัยที่ผู้บริโภคในตลาดมักจะให้ความสนใจและใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจบริโภค
แบ่งออกเป็น 4 ปัจจัยหลักคือ
1. ปัจจัยด้านประโยชน์ต่อสุขภาพและรสชาติ
ปัจจัยด้านประโยชน์ต่อสุขภาพผู้บริโภคและรสชาติของสินค้า เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกบริโภคสินค้าอาหารและเครื่องดื่มของชาวอเมริกันสูงที่สุด
โดยพบว่าหากสินค้ามีการแสดงข้อมูลฉลากสินค้าเพิ่มสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
เช่น แคลเซียม ไฟเบอร์ และวิตามิน เป็นต้น
ผู้บริโภคจะมีแนวโน้มเลือกตัดสินใจซื้อสินค้ามากขึ้น
2. ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
ผู้บริโภคในตลาดให้ความสำคัญกับการรับผิดชอบต่อสังคมและการดูแลสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ดังนั้นจึงมักที่จะเลือกบริโภคสินค้าจากผู้ผลิตที่มีความโปร่งใสในด้านการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล
ทั้งในแง่ของการดูแลแรงงานในอุตสาหกรรม การผลิตที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รวมถึงการตอบแทนต่อสังคม
3.
ปัจจัยด้านราคา
แม้ว่ากลุ่มผู้บริโภคในตลาดปัจจุบันจะมีรายได้และกำลังการซื้อค่อนข้างสูง
แต่ผู้บริโภคก็มักที่จะเลือกซื้อสินค้าที่มีระดับราคาสมเหตุสมผล
และมักใช้ปัจจัยด้านราคาประกอบการตัดสินใจร่วมกับปัจจัยอื่นด้วย
ในขณะเดียวกันหากสินค้าดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ความต้องการทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคก็มีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อสินค้าเช่นเดียวกัน
4.
ปัจจัยด้านช่องทางการจัดจำหน่าย
ด้วยสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับการที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกสินค้าในตลาดค่อนข้างมาก
ดังนั้นความสะดวกสบายในการเลือกหาซื้อได้ง่ายตามช่องทางตลาดกระแสหลัก จึงเป็นปัจจัยสำคัญและมีอิทธิพลต่อผู้บริโภคในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า
สิ่งที่ท้าทายต่อจากนี้ไม่เพียงแค่การคิดค้นวัตถุดิบอาหารจากพืชชนิดใหม่ๆ
ที่เหมือนหรือใกล้เคียงวัตถุดิบเนื้อสัตว์มากยิ่งขึ้น แต่จะรวมถึงการนําวัตถุดิบอาหารจากพืชที่มีอยู่มาพัฒนาต่อเป็นผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปที่ยังคงคุณลักษณะและรสชาติของวัตถุดิบ
แม้เมื่อผ่านกระบวนการแปรรูป (Processing)
เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาให้ยาวนานขึ้น เช่น การฆ่าเชื้อด้วยความร้อนและเก็บรักษาด้วยความเย็นในรูปแบบต่างๆ
เป็นต้น ซึ่งจะสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต
แหล่งอ้างอิง :