เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น (Herbalife Nutrition) บริษัทโภชนาการระดับโลก โดยบริษัทวันโพล (OnePoll) ได้ทำการสำรวจผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิก เมื่อเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา มีผู้ตอบแบบสำรวจ 9,000 คนจาก 9 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ออสเตรเลีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ในหัวข้อ ความเป็นผู้ประกอบการในเอเชียแปซิฟิก หรือ "Asia Pacific Entrepreneurship Survey" ประจำปี 2562 พบว่าผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิก 71% อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ โดยความต้องการเป็นผู้ประกอบการมีมากที่สุดในชาวอินโดนีเซีย (96%) ฟิลิปปินส์ (92%) ไทย (89%) และมาเลเซีย (86%)
นอกจากนี้ ชาวเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ (54%) เชื่อว่าการเป็นนายตัวเองจะเติมเต็มจุดมุ่งหมายในชีวิตได้มากกว่าการทำงานให้คนอื่น แต่การเป็นผู้ประกอบการยังคงสร้างความหวาดหวั่นให้กับคนส่วนใหญ่ไม่น้อย โดย 85% ของผู้ที่อยากมีธุรกิจของตัวเอง ยังมีความกลัวที่จะเริ่มต้นธุรกิจ และมากถึง 79% ยอมรับว่า บางครั้งรู้สึกว่าตนเองอาจไม่มีโอกาสได้เริ่มธุรกิจเลยก็ได้
ถึงกระนั้น ชาวเอเชียแปซิฟิกที่อยากมีธุรกิจของตัวเองยังคงคิดจริงจังเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการ โดยเกือบครึ่งหนึ่ง (47%) มองว่ารายได้จากการทำธุรกิจของตัวเองสำคัญพอๆ กับการทำตามฝัน ขณะที่ 33% มองว่ารายได้จากการทำธุรกิจของตัวเองสำคัญกว่าการทำตามฝัน ถือว่า “การทำตามฝันเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการเริ่มธุรกิจของตัวเอง”
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
สำหรับเหตุผลที่เริ่มทำธุรกิจของตัวเองนั้น
ผู้ประกอบการในเอเชียแปซิฟิกเกือบครึ่ง (48%) ที่มีธุรกิจเป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
นอกจากต้องการทำตามฝันแล้ว ยังมีเหตุผลอื่นๆ ตามมา ดังนี้
-ต้องการเพิ่มรายได้
(43%)
-ทำตามความรู้สึก/สัญชาตญาณ
(37%)
-ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว
(30%)
-ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนฝูง (22%)
แม้ว่าประสบการณ์ความเป็นผู้ประกอบการจะแตกต่างกัน แต่ผู้ประกอบการในเอเชียแปซิฟิกมากถึงสามในสี่(77%) ระบุว่ามีความสุขมากขึ้นตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจของตัวเอง
แสดงให้เห็นว่าความเป็นผู้ประกอบการให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าสำหรับคนในภูมิภาคนี้
รวมทั้ง ผลสำรวจยังพบอีกว่า ผู้ที่อยากมีธุรกิจของตัวเองส่วนใหญ่ฝันว่าวันหนึ่งจะได้ลาออกจากงาน สองในสาม (67%) ของผู้ที่อยากมีธุรกิจของตัวเอง ฝันว่าวันหนึ่งจะได้เดินไปบอกเจ้านายว่าขอลาออก และหกในสิบ (62%) เชื่อมั่นว่าไอเดียธุรกิจของตนเองสามารถปฏิวัติวงการได้ โดยความเชื่อมั่นนี้พุ่งสูงสุดในมาเลเซีย (80%) ฟิลิปปินส์ (78%) ไทย (74%) และอินโดนีเซีย (68%)
สำหรับผู้ที่อยากมีธุรกิจของตัวเองยังเชื่อมั่นว่าการมีธุรกิจของตัวเองมีข้อดีมากมาย
ดังนี้
-สามารถจัดตารางชีวิตและการทำงานได้อย่างยืดหยุ่น
(65%)
-สามารถเพิ่มพูนรายได้ของตัวเอง
(60%)
-สามารถเป็นนายตัวเอง
(55%)
-สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
(52%)
-มีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น (45%)
ในด้านความเสี่ยงทางการเงินนั้น ผู้ที่อยากมีธุรกิจของตัวเองส่วนใหญ่ราวสี่ในห้า
(78%) จะใช้เงินของตัวเองในการลงทุนเริ่มธุรกิจ
ขณะที่ส่วนน้อยราว 28% จะใช้เงินของครอบครัว อีก 26% จะขอสินเชื่อสำหรับธุรกิจขนาดย่อม
และ 25% จะขอสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อเริ่มธุรกิจของตัวเอง
แน่นอนว่าทุนคืออุปสรรคสำคัญที่สุดของผู้ประกอบการในเอเชียแปซิฟิก โดย 65% ของผู้ที่อยากมีธุรกิจของตัวเองส่วนใหญ่
ตอบว่าทุนในการเริ่มธุรกิจเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุด ตามมาด้วยปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
-ความกังวลว่าธุรกิจจะไม่ประสบความสำเร็จ
(42%)
-ความกังวลว่าธุรกิจจะไม่ทำกำไร
(40%)
-ขาดการสนับสนุนด้านการเงินและความรู้เรื่องตลาด (40%)
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อยากมีธุรกิจของตัวเองส่วนใหญ่ (77%) ระบุว่าจะมีความมั่นใจมากขึ้นในการเริ่มธุรกิจของตัวเองหากมีหุ้นส่วนธุรกิจ ความคิดนี้ชัดเจนเป็นพิเศษในมาเลเซีย (83%) อินโดนีเซีย (79%) ฟิลิปปินส์ (76%) และไทย (73%)
จะเห็นได้ว่าคนไทย ติดอันดับ 1 ใน 3 ของผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของกิจการในเอเชียแปซิฟิก และมีความเชื่อมั่นว่าแนวคิดหรือไอเดียในการทำธุรกิจจะเป็นการปฏิวัติวงการ หรือสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ ถือเป็นแนวคิดที่สำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการเหล่านี้เดินไปตามความฝัน และการสนับสนุนด้านเงินทุนถือเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ ที่จะนำพาให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ก้าวสู่ความสำเร็จได้
บทสรุปของเรื่องนี้ คือ ความฝันและคิดการไกลเป็นเรื่องที่หอมหวานสำหรับทุกคนเสมอ และเป็นเรื่องดีที่คนรุ่นใหม่ทุกวันนี้ มีแนวคิดการพัฒนาตัวเองและออกจากพื้นที่เคยชินไปสู่พื้นที่ใหม่ที่ฝันไว้ และพยายามทำให้เป็นจริง