ในช่วงที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 กำลังลุกลามไปทั่วโลก
มีจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่ปรากฏว่าในวิกฤตครั้งนี้
"เวียดนาม" ถือเป็นประเทศที่น่าจับตามองมากประเทศหนึ่ง ด้วยเหตุที่แม้ว่าจะมีชายแดนติดต่อกับประเทศจีน
ซึ่งเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดโควิด-19
และมีจำนวนประชากรมากถึง 97 ล้านคน แต่เวียดนามกลับสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อได้เป็นอย่างดี
โดยล่าสุดตัวเลขช่วงกลางพฤษภาคม 2563 เวียดนามมีการตรวจสอบผู้ป่วยโรคดังกล่าวเพียง 300 คน และไม่มีผู้เสียชีวิตเลยแม้แต่รายเดียว ซึ่งนักวิชาการคาดว่าเป็นผลจากการที่รัฐบาลเวียดนามมีการใช้มาตรการเข้มงวดตั้งแต่เนิ่นๆ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ขณะเดียวกันผลในด้านเศรษฐกิจ
พบว่าหลังสิ้นสุดการใช้มาตรการล็อกดาวน์ระหว่างวันที่ 1-23 เมษายน 2563 จีดีพีของเวียดนามเติบโต 3.8%
ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำที่สุด แต่ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยังคงคาดการณ์ว่าปี 2563 นี้
จีดีพีเวียดนามจะยังคงขยายตัว 2.7%
ซึ่งแม้ว่าจะลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่วางไว้ 6.8%
แต่ยังสูงกว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนหลายประเทศรวมถึงไทย ซึ่งคาดว่าจีดีพีจะติดลบ 5%
ทั้งนี้แม้ว่ารายได้จากการค้าระหว่างประเทศของเวียดนามในเดือนเมษายน
2563 มีมูลค่า 36,106 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 22% โดยมูลค่าการส่งออกเท่ากับ
17,583 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 27.1%
และการนำเข้า 18,523 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 16.4% โดยขาดดุลการค้าอยู่ที่ 940 ล้านเหรียญสหรัฐ
แต่ยอดการค้าระหว่างประเทศสะสมในช่วง
4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) 2563 มูลค่า 158,942 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 0.9% โดยส่งออกมูลค่า 80,861 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 2% และการนำเข้า 78,081 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.3% และได้ดุลการค้าที่ 198 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยตลาดส่งออกสำคัญของเวียดนามคือ สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และฮ่องกง เป็นต้น
ขณะเดียวกันดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ขยายตัวเพิ่มขึ้น
1.8% โดยการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น 3% การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 2.9%
การผลิตน้ำประปาและการกำจัดของเสียเพิ่มขึ้น 3.6%
ภาพรวมการลงทุนของเวียดนามก็ยังเป็นที่น่าจับตามอง
ตามข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ประจำเวียดนาม ระบุว่าในช่วง 4 เดือนแรกมีการลงทุนของภาครัฐมูลค่าถึง
3,573 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.9%
ส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มูลค่า 12,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 15.5%
แต่มีจำนวนโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงุทนใหม่
984 โครงการ เพิ่มขึ้น 26.9
% และยังมีโครงการที่ปรับเพิ่มทุน 335 โครงการ
มูลค่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 45.6% โครงการที่นักลงทุนซื้อหุ้นจากบริษัทในเวียดนาม 3,210 โครงการ มูลค่า 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 65%
สำหรับจำนวนโครงการใหม่
984 โครงการ
ที่ได้รับอนุญาตในการส่งเสริมเสริมการลงทุนช่วง 4 เดือนแรก
โดยประเทศที่ลงทุนในเวียดนาม 5 อันดับแรก คือ เกาหลีใต้ จีน
ญี่ป่น ฮ่องกง และสิงค์โปร์ ซึ่งประเภทอุตสาหกรรมที่มีการลงทุน คือ
อุตสาหกรรมการผลิตและการประมง, การผลิตพลังงานไฟฟ้า, การค้าส่งและค้าปลีก, อสังหาริมทรัพย์
และกิจกรรมวิชาชีวิทยาศาสตร์ และกิจกรรมทางวิชาการ เป็นต้น ซึ่งนักลงทุนได้กระจายลงไปยังพื้นที่ต่างๆ
ทั่วประเทศ ในพื้นที่ยอดนิยม เช่น โฮจิมินห์ ฮานอย บั๊กนิญ ดานัง ลองอัน
บินห์เชือง เป็นต้น
ไม่เพียงนักลงทุนจากนานาชาติเท่านั้นที่ขยายการลงทุนเข้าไปยังประเทศเวียดนาม แต่นักลงทุนก็ขยายการลงทุนโครงการใหม่ไปยังเวียดนามถึง 9 โครงการ มูลค่า 22.27 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีจำนวนโครงการลงทุนสะสม 567 โครงการ มูลค่า 12,304 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นอันดับ 9 จากทั้งหมด 136 ประเทศที่ไปลงทุนในเวียดนาม สะท้อนว่ามีโอกาสสูงที่เวียดนามจะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแห่งใหม่ของโลก ซึ่งย้ายฐานมาจากจีนและประเทศอื่นๆ และจะเป็นโอกาสของอาเซียนด้วยเช่นกัน
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
ตลาดรถยนต์ขาลง เวียดนามผู้พลิกวิกฤติมุ่งลงทุนเครื่องมือแพทย์
ลงทุน TechStartup เวียดนามทะยานขึ้นเบอร์สองในอาเซียน