ควรรับมืออย่างไร? เมื่อ ‘โรคเครียด’ มาเยือน

Edutainment
18/05/2021
รับชมแล้วทั้งหมด 1728 คน
ควรรับมืออย่างไร? เมื่อ ‘โรคเครียด’ มาเยือน
banner

การแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่คงอยู่มายาวนานร่วมปีกว่า เราได้รับข่าวสารมากมายทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อมูลเหล่านี้ได้กลายเป็นภัยคุกคามทางจิตใจ และก่อตัวเกิดเป็นความเครียดภายในร่างกายเรา โดยปกตินั้นร่างกายจะถูกออกแบบให้ตอบสนองต่อความเครียดได้ดีในระดับหนึ่ง แต่หากไม่สามารถจัดการความเครียดนั้นได้ ความเครียดจะค่อยๆ สะสมและกลายเป็นความเครียดเรื้อรัง ซึ่งจะส่งผลอันตรายต่อทุกระบบภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นระบบประสาท ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหาร ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมถึงระบบสืบพันธุ์ เป็นต้น

 

อาการที่เกิดจากความเครียด

- หงุดหงิด เหวี่ยงวีนใส่คนใกล้ตัวแบบไม่รู้ตัว

- รู้สึกเบื่องานเหลือเกิน

- อยู่ๆ ก็ท้องอืดแบบไม่มีสาเหตุ อาหารไม่ย่อย

- ปวดท้องเหมือนเป็นโรคกระเพาะอาหาร

- ท้องผูกสลับท้องเสียแบบไม่มีสาเหตุ

- ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง

- บางคนมีผื่นขึ้นตามตัวคันคะเยอเหมือนเป็นลมพิษ

- บางครั้งอาจมีช่วงนอนไม่หลับติดกันหลายๆ คืน

- ชอบดึงผม กัดเล็บ เมื่อเครียดแล้วอยากดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

ผลเสียจากความเครียดเรื้อรัง

ระบบไหลเวียนโลหิต : ความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อระดับของฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรีนาลีนในเลือด ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งความดันโลหิตที่สูงอยู่เป็นระยะเวลานานจะกระทำแรงเค้นต่อหัวใจ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองตามไปด้วย

ระบบประสาท : ความเครียดจะทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลสูง ซึ่งจะลดการทำงานของสารสื่อประสาทเซโรโทนินในสมอง ทำให้ร่างกายทนต่อภาวะความเครียดได้น้อยลง นำไปสู่การเกิดโรควิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้ ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรีนาลีนที่สูงยังส่งผลกระทบต่อวงจรการนอนหลับ ทำให้ความสนใจในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ลดลง

นอกจากนี้ภายในสมองอาจมีการอักเสบเกิดร่วมด้วย อันเนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ลดต่ำลง จากการมีระดับคอร์ติซอลที่สูงเป็นระยะเวลานาน ทำให้เซลล์ประสาทที่ตายมีจำนวนมากขึ้น สภาพแวดล้อมในสมองถูกรบกวน จึงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคความเสื่อมทางระบบประสาท อาทิ โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และโรคความจำเสื่อมอื่นๆ ได้

ระบบทางเดินอาหาร : ฮอร์โมนคอร์ติซอลสามารถกระตุ้นการหลั่งกรดภายในกระเพาะอาหาร ดังนั้นความเครียดเรื้อรังจึงเพิ่มการหลั่งกรด ส่งผลให้เยื่อบุผิวภายในทางเดินอาหารถูกทำลายและนำไปสู่การเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ความเครียดเรื้อรังยังทำให้สมองส่งสัญญาณยับยั้งการหดตัวของหูรูดทางเดินอาหารส่วนปลาย และเพิ่มระยะเวลาของอาหารที่อยู่ในกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารใช้ระยะเวลาเดินทางไปสู่ลำไส้เล็กนานขึ้น จึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคกรดไหลย้อนและอาหารไม่ย่อย

นอกจากนี้ความเครียดเรื้อรังจะทำให้จำนวนในระบบทางเดินอาหารลดลง ทำให้เยื่อบุทางเดินอาหารไม่แข็งแรง ซึ่งเพิ่มโอกาสของการเป็นโรคซึมเศร้าได้ และระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่สูงยังส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น อันเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2

ระบบสืบพันธุ์ : ผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์เพศหญิงพบว่า ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากความเครียดจะไปลดการหลั่งของฮอร์โมน FSH และ LH ทำให้การตกไข่ผิดปกติไปและส่งผลกระทบต่อการฝังตัวของตัวอ่อน นอกจากนี้ในมารดาที่กำลังตั้งครรภ์พบว่า ระดับคอร์ติซอลที่สูงขึ้นจากความเครียดจะส่งผลทั้งต่อมารดาและทารกในครรภ์ การเปลี่ยนแปลงทั้งจากมารดาและทารกจะทำให้มดลูกเกิดการบีบตัว เพิ่มโอกาสของการคลอดก่อนกำหนด ส่วนผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์เพศชายนั้นพบว่า ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เพิ่มสูงขึ้นจะไปรบกวนกลไกการสร้างอสุจิ อสุจิมีจำนวนลดลง รูปร่างผิดปกติ ส่งผลต่อกระบวนการสืบพันธุ์

ระบบกระดูกและข้อ : ผลเสียต่อระบบกระดูกและกล้ามเนื้อนั้น พบว่ากล้ามเนื้อบริเวณคอ ไหล่ และศีรษะมีแนวโน้มที่จะมีอาการตึงและเกร็งเพิ่มขึ้น และสามารถก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะและอาจนำไปสู่โรคไมเกรนได้

การจัดการความเครียด : ความเครียดเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจจะช่วยให้เราสามารถเผชิญหน้ากับความเครียดได้ง่ายขึ้น ทำให้จิตใจสงบ และอาจนำไปสู่การมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น วิธีการจัดการความเครียดมีด้วยกันหลากหลายวิธี อาทิ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายเป็นประจำ การนอนหลับให้เพียงพอ การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การฝึกการหายใจ การทำกิจกรรมนันทนาการ การพูดคุยปรึกษากับบุคคลอื่น และหากมีปัญหาที่ไม่สามารถจัดการได้ การพบนักจิตวิทยาก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการจัดการความเครียดที่ดี

ทริครับมือโรคเครียดอย่างสร้างสรรค์

ทำงานศิลปะที่มีประโยชน์ : หลายคนคิดว่าศิลปะเป็นเรื่องของเด็กๆ เท่านั้น แต่รู้ไหมว่าการทำกิจกรรมที่ต้องใช้มือนี่ล่ะ คือสิ่งที่เราควรทำไปทั้งชีวิต ลองพักสมองแล้วใช้มือในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ บ้าง ถ้าอยากให้เกิดประโยชน์ลองไปเข้ากลุ่มประดิษฐ์อะไรเพื่อเด็กด้อยโอกาสก็ยังดี

วิ่งออกกำลังกายระยะไกล : เป็นการตั้งเป้าตัวเองให้ออกกำลังกายอย่างจริงจัง เพราะมีเป้าหมายที่ชัดเจนและท้าทาย นอกจากได้ไปวิ่งให้สารเอนโรฟีนหลั่งแล้ว ยังเป็นการเทรนร่างกายให้แข็งแรงขึ้นมากๆ ไปในตัวด้วย

 

แหล่งอ้างอิง : คณะเภสัชศาสตร์ มหิดล, โรงพยาบาลเปาโล


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

เปรียบเทียบ IG Algorithm แบบเก่า vs ใหม่

เปรียบเทียบ IG Algorithm แบบเก่า vs ใหม่

รู้หรือไม่? Instagram Algorithm มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ! Bangkok Bank SME สรุปมาให้แล้วว่า IG Algorithm แบบเก่ากับแบบใหม่ต่างกันอย่างไร…
pin
24 | 13/03/2025
30+ เครื่องมือ AI สำหรับธุรกิจในปี 2025

30+ เครื่องมือ AI สำหรับธุรกิจในปี 2025

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Generative AI ได้กลายมาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญสำหรับการทำธุรกิจในวันนี้.โดยผลสำรวจของ Gartner พบว่า 42% ในปี 2025 มากกว่า 60%…
pin
31 | 27/02/2025
ตรุษจีนยุคใหม่ไร้ Foodwaste เคลียร์ของไหว้เป็นเมนูเด็ด แถมลดโลดร้อน

ตรุษจีนยุคใหม่ไร้ Foodwaste เคลียร์ของไหว้เป็นเมนูเด็ด แถมลดโลดร้อน

ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นประเด็นที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะยิ่งนับวัน การคืบคลานเข้ามาของสภาวะโลกร้อนที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อหลายภาคส่วน…
pin
1248 | 07/02/2024
ควรรับมืออย่างไร? เมื่อ ‘โรคเครียด’ มาเยือน