การแพร่ระบาดของโควิด
19 ที่คงอยู่มายาวนานร่วมปีกว่า เราได้รับข่าวสารมากมายทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อมูลเหล่านี้ได้กลายเป็นภัยคุกคามทางจิตใจ
และก่อตัวเกิดเป็นความเครียดภายในร่างกายเรา
โดยปกตินั้นร่างกายจะถูกออกแบบให้ตอบสนองต่อความเครียดได้ดีในระดับหนึ่ง แต่หากไม่สามารถจัดการความเครียดนั้นได้
ความเครียดจะค่อยๆ สะสมและกลายเป็นความเครียดเรื้อรัง ซึ่งจะส่งผลอันตรายต่อทุกระบบภายในร่างกาย
ไม่ว่าจะเป็นระบบประสาท ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหาร
ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมถึงระบบสืบพันธุ์ เป็นต้น
อาการที่เกิดจากความเครียด
- หงุดหงิด
เหวี่ยงวีนใส่คนใกล้ตัวแบบไม่รู้ตัว
- รู้สึกเบื่องานเหลือเกิน
- อยู่ๆ ก็ท้องอืดแบบไม่มีสาเหตุ
อาหารไม่ย่อย
- ปวดท้องเหมือนเป็นโรคกระเพาะอาหาร
- ท้องผูกสลับท้องเสียแบบไม่มีสาเหตุ
- ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง
- บางคนมีผื่นขึ้นตามตัวคันคะเยอเหมือนเป็นลมพิษ
- บางครั้งอาจมีช่วงนอนไม่หลับติดกันหลายๆ
คืน
- ชอบดึงผม กัดเล็บ เมื่อเครียดแล้วอยากดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ผลเสียจากความเครียดเรื้อรัง
ระบบไหลเวียนโลหิต : ความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อระดับของฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรีนาลีนในเลือด
ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
ซึ่งความดันโลหิตที่สูงอยู่เป็นระยะเวลานานจะกระทำแรงเค้นต่อหัวใจ
เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองตามไปด้วย
ระบบประสาท : ความเครียดจะทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลสูง
ซึ่งจะลดการทำงานของสารสื่อประสาทเซโรโทนินในสมอง ทำให้ร่างกายทนต่อภาวะความเครียดได้น้อยลง
นำไปสู่การเกิดโรควิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้
ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรีนาลีนที่สูงยังส่งผลกระทบต่อวงจรการนอนหลับ ทำให้ความสนใจในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ
ลดลง
นอกจากนี้ภายในสมองอาจมีการอักเสบเกิดร่วมด้วย อันเนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ลดต่ำลง
จากการมีระดับคอร์ติซอลที่สูงเป็นระยะเวลานาน
ทำให้เซลล์ประสาทที่ตายมีจำนวนมากขึ้น สภาพแวดล้อมในสมองถูกรบกวน
จึงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคความเสื่อมทางระบบประสาท อาทิ โรคอัลไซเมอร์
โรคพาร์กินสัน และโรคความจำเสื่อมอื่นๆ ได้
ระบบทางเดินอาหาร : ฮอร์โมนคอร์ติซอลสามารถกระตุ้นการหลั่งกรดภายในกระเพาะอาหาร
ดังนั้นความเครียดเรื้อรังจึงเพิ่มการหลั่งกรด
ส่งผลให้เยื่อบุผิวภายในทางเดินอาหารถูกทำลายและนำไปสู่การเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
ความเครียดเรื้อรังยังทำให้สมองส่งสัญญาณยับยั้งการหดตัวของหูรูดทางเดินอาหารส่วนปลาย
และเพิ่มระยะเวลาของอาหารที่อยู่ในกระเพาะอาหาร
ทำให้อาหารใช้ระยะเวลาเดินทางไปสู่ลำไส้เล็กนานขึ้น
จึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคกรดไหลย้อนและอาหารไม่ย่อย
นอกจากนี้ความเครียดเรื้อรังจะทำให้จำนวนในระบบทางเดินอาหารลดลง ทำให้เยื่อบุทางเดินอาหารไม่แข็งแรง
ซึ่งเพิ่มโอกาสของการเป็นโรคซึมเศร้าได้
และระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่สูงยังส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น อันเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่
2
ระบบสืบพันธุ์ : ผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์เพศหญิงพบว่า
ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากความเครียดจะไปลดการหลั่งของฮอร์โมน FSH และ LH ทำให้การตกไข่ผิดปกติไปและส่งผลกระทบต่อการฝังตัวของตัวอ่อน
นอกจากนี้ในมารดาที่กำลังตั้งครรภ์พบว่า
ระดับคอร์ติซอลที่สูงขึ้นจากความเครียดจะส่งผลทั้งต่อมารดาและทารกในครรภ์
การเปลี่ยนแปลงทั้งจากมารดาและทารกจะทำให้มดลูกเกิดการบีบตัว
เพิ่มโอกาสของการคลอดก่อนกำหนด ส่วนผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์เพศชายนั้นพบว่า ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เพิ่มสูงขึ้นจะไปรบกวนกลไกการสร้างอสุจิ
อสุจิมีจำนวนลดลง รูปร่างผิดปกติ ส่งผลต่อกระบวนการสืบพันธุ์
ระบบกระดูกและข้อ : ผลเสียต่อระบบกระดูกและกล้ามเนื้อนั้น
พบว่ากล้ามเนื้อบริเวณคอ ไหล่ และศีรษะมีแนวโน้มที่จะมีอาการตึงและเกร็งเพิ่มขึ้น
และสามารถก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะและอาจนำไปสู่โรคไมเกรนได้
การจัดการความเครียด : ความเครียดเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
การเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจจะช่วยให้เราสามารถเผชิญหน้ากับความเครียดได้ง่ายขึ้น
ทำให้จิตใจสงบ และอาจนำไปสู่การมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น
วิธีการจัดการความเครียดมีด้วยกันหลากหลายวิธี อาทิ
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายเป็นประจำ การนอนหลับให้เพียงพอ
การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การฝึกการหายใจ การทำกิจกรรมนันทนาการ
การพูดคุยปรึกษากับบุคคลอื่น และหากมีปัญหาที่ไม่สามารถจัดการได้
การพบนักจิตวิทยาก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการจัดการความเครียดที่ดี
ทริครับมือโรคเครียดอย่างสร้างสรรค์
ทำงานศิลปะที่มีประโยชน์ : หลายคนคิดว่าศิลปะเป็นเรื่องของเด็กๆ
เท่านั้น แต่รู้ไหมว่าการทำกิจกรรมที่ต้องใช้มือนี่ล่ะ
คือสิ่งที่เราควรทำไปทั้งชีวิต ลองพักสมองแล้วใช้มือในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ บ้าง
ถ้าอยากให้เกิดประโยชน์ลองไปเข้ากลุ่มประดิษฐ์อะไรเพื่อเด็กด้อยโอกาสก็ยังดี
วิ่งออกกำลังกายระยะไกล : เป็นการตั้งเป้าตัวเองให้ออกกำลังกายอย่างจริงจัง
เพราะมีเป้าหมายที่ชัดเจนและท้าทาย นอกจากได้ไปวิ่งให้สารเอนโรฟีนหลั่งแล้ว
ยังเป็นการเทรนร่างกายให้แข็งแรงขึ้นมากๆ ไปในตัวด้วย
แหล่งอ้างอิง : คณะเภสัชศาสตร์
มหิดล, โรงพยาบาลเปาโล