4 แนวโน้มธุรกิจอสังหาฯ ปรับตัวสู่ New Normal

ตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ขึ้น ธุรกิจในประเทศไทยทั้งน้อยใหญ่ต่างได้รับผลกระทบเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ลำพังไม่มีโรคระบาด คนก็ตัดสินใจซื้อกันยากอยู่แล้ว เพราะต้องใช้เงินก้อนจำนวนมหาศาล เป็นเหมือนการลงทุนครั้งสำคัญที่สุดของชีวิต ยิ่งมีโควิด-19 เกิดขึ้น คนยิ่งชะลอการตัดสินใจกันเข้าไปใหญ่

และแน่นอนว่าโควิด-19 จะยังคงอยู่กับเราไปอีกนานอย่างน้อยๆ ก็ 1 ปี ทำให้อสังหาริมทรัพย์จะไม่ใช่ธุรกิจที่ฟื้นตัวได้เร็ว หรือเป็นอะไรที่คนไทยกลับมาให้ความสนใจอีกครั้งในเร็วๆ นี้แน่นอน

เนื่องจากโควิด-19 สร้างความผันผวนทางกระแสสภาพคล่องการเงินของทุกคน จากที่คิดว่าตัวเองมีเงินเก็บมากพอ กลับต้องมาตกงาน หรือขาดแคลนรายได้ คนไทยส่วนใหญ่จึงกลัวที่จะเอาเงินที่ตัวเองมีไปใช้จ่ายในสิ่งที่ยังไม่จำเป็น ซึ่งอสังหาริมทรัพย์นับเป็นสินทรัพย์ที่ต้องตัดสินใจนาน เพราะใช้เงินลงทุนสูง บวกกับวิกฤตลดเงินเดือน ขาดรายได้ ทำให้การตัดสินใจใช้บริการในอุตสาหกรรมนี้ลดลง

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

โควิด-19 สร้าง New Normal ทั้งฝั่งผู้ซื้อและฝั่งผู้ขาย

New Normal คือวิถีการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังจากโควิด-19 ซึ่งหลายๆ อย่างจะไม่กลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป แต่จะถูกปรับรูปแบบการใช้ชีวิตไปให้ต่างจากเดิม รวมถึงกระบวนการคิด กระบวนการขายของธุรกิจเองก็เช่นกัน New Normal ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ คือเรื่องของสายป่าน และการออกแบบ

ดังนั้นสายป่านของธุรกิจต้องยาวมากพอที่จะยื้อให้คุณดำเนินการไปได้จนถึงหลังช่วงโควิด-19 หายไป และในทางกลับกันคุณต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอสังหาริมทรัพย์ให้น่าสนใจ และเป็นไปตาม New Normal ที่ผู้บริโภคต้องการ

ส่วน New Normal ทางฝั่งผู้ซื้อเองก็จะมีการคิดวิเคราะห์ก่อนการตัดสินใจซื้อมากขึ้นเป็นเท่าตัว ดูรีวิว และเปรียบเทียบอสังหาฯ ต่างๆ อย่างตรงจุดและใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งกล้าที่จะมองหาอสังหาฯ ในรูปแบบของบ้านเดี่ยวมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานแบบ Work from Home อย่างสบายใจ

คอนโดฯ ไม่ได้รับความนิยม แต่บ้านเดี่ยวกลับเป็นที่สนใจแบบพุ่งกระฉูด

หลายคนได้เรียนรู้แล้วว่า “บ้าน” ไม่ใช่แค่เพียงที่อยู่อาศัยเพื่อการพักผ่อน นอนหลับแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น จากเดิมที่ Mindset ของหลายคนมองว่าบ้านเป็นเพียงที่ซุกหัวนอน เมื่อเกิดการล็อกดาวน์ ทำให้เราต้องอยู่ในบ้านมากขึ้น และใช้ชีวิตอยู่ในนั้นแบบ 24 ชั่วโมงเป็นเวลาหลายเดือน ทำให้ได้รู้ว่าบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญมากแค่ไหน มีคนไม่น้อยที่ต้องอยู่คอนโด และรับรู้ถึงความอึดอัด คับแคบ และไม่สะดวกสบายในการทำสิ่งต่างๆ เสียเลย

เช่น การ work from home ที่บ้านกับที่คอนโดเองก็ไม่เหมือนกัน เพราะบ้านเดี่ยวจะมอบพื้นที่ให้คุณได้มากมาย ใช้ส่วนไหนของบ้านทำกิจกรรมก็ได้ เหนื่อยก็มีพื้นที่ด้านนอก ปลูกหญ้าไว้ให้นั่งพักสายตารับลม

แต่กับการทำงานในคอนโดฯ คุณต้องอยู่ในห้องแคบตลอดเวลา และหากอยู่รวมกันกับครอบครัว ก็ยิ่งไม่มีสถานที่ใช้สอยให้ทำงานได้อย่างสบายใจแน่นอน ต้องถูกรบกวนจากมลภาวะทางเสียง และความวุ่นวายแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

ด้วยเหตุผลเหล่านี้เองที่กลายเป็น New Normal ผลักดันให้ยอดขายคอนโดในปี 2563 นั้น ลดลงไม่ต่ำกว่า 40% ตรงข้ามกับความต้องการของบ้านจัดสรรที่มียอดขาย ยอดจอง เพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดด

4 แนวโน้มธุรกิจอสังหาฯ ปรับตัวเข้ากับ New Normal

1. สร้างพื้นที่ส่วนรวมที่ส่วนตัว : สังคมรูปแบบใหม่ของการอยู่อาศัยในหมู่บ้านจัดสรร หรือที่ต่างๆ จะยังคงต้องการพื้นที่ส่วนกลางอยู่ เพียงแต่จะไม่ใช่พื้นที่ส่วนกลางที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันอีกต่อไป คุณต้องจัดพื้นที่ให้มีการนั่งแยกกันในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งจะสร้างความอุ่นใจให้กับผู้ตัดสินใจมากขึ้น

2. คนซื้อบ้านชานเมืองมากขึ้น : จากที่แต่ก่อนคนส่วนใหญ่นิยมคอนโดฯ ใจกลางเมือง เพื่อให้ง่ายต่อการเดินทางไปทำงาน แต่ตอนนี้มีการทำงานแบบ New Normal นั่นคือ Work from Home ส่วนใหญ่ ทำให้สามารถซื้อบ้านที่ไกลที่ทำงานขึ้นได้ ทั้งยังลดความแออัดในตัวเมือง และเป็นโอกาสที่บ้านจัดสรรในพื้นที่ห่างไกลย่านชานเมืองจะได้รับความนิยมมากขึ้น

3. มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า : เทคโนโลยีสุดล้ำที่สามารถนำมาใส่ในบ้านได้ จะยังคงเป็นจุดขายที่คนสนใจอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องเชื่อมต่อกับ IoT หรือ Smart Home เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกบ้านมากที่สุด เช่น สั่งการระบบไฟผ่านแอปพลิเคชัน และมีกล้องวงจรปิดล้อมรอบ

4. มีการใช้งาน VR มากขึ้น : จากที่แต่ก่อนคนจะซื้อบ้านก็ต้องตัดสินใจจากรูปภาพ โบรชัวร์ แต่ทุกวันนี้เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาท สามารถสร้างห้องจำลองเสมือนจริงผ่าน VR ในระยะไกล แม้โครงการบ้านจะยังไม่เสร็จก็สามารถพิจารณาได้ทันที เป็นตัวช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้อสังหาฯ ยุคใหม่เองก็ต้องทำความเข้าใจในเรื่องของความต้องการของคนไทยที่เปลี่ยนไปมากขึ้นด้วย อย่างการไปอยู่ในต่างจังหวัด ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่อยากจะเป็นอย่างนั้น เพราะไม่อึดอัดเหมือนอยู่ในเมือง และมีวิถีชีวิตที่ราบรื่นมากกว่า รวมถึงในต่างจังหวัดมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดโรคน้อยกว่าด้วย ดังนั้นจึงเป็นอีกช่องทางสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ว่ายังมีพื้นที่ดีๆ อีกมากให้คุณได้ลองเปิดตลาดในประเทศไทย

สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<< 

วิกฤต COVID-19 ‘ธุรกิจก่อสร้าง’ จะปรับตัวอย่างไร?

ราคาที่ธุรกิจ ‘ต้องจ่าย’ สู่การปรับตัวเป็น New Normal