การวิ่ง คือการออกกำลังกายที่ง่ายและสะดวกแถมยังทำคนเดียวก็สนุกได้
แค่มีรองเท้าวิ่งหนึ่งคู่ก็สามารถเริ่มวิ่งได้แล้ว แต่ด้วยความคิดที่ว่าการวิ่ง'ง่าย'
นี่แหละที่ทำให้นักวิ่งหน้าใหม่หลายคนละเลยที่จะเรียนรู้วิธีการวิ่งที่ถูกต้อง
พอเกิดอาการบาดเจ็บก็ไปทึกทักเอาว่าเพราะรองเท้าไม่ดีเป็นสาเหตุ
นพ. ประชัน บัญชาศึก
แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การกีฬา ประจำโรงพยาบาลพญาไท 2
ระบุว่า แม้ว่าการวิ่งจะเป็นการออกกำลังกายที่ดูง่าย และไม่อันตราย
แต่ก็มักพบนักวิ่งทั้งมือเก่ามือใหม่ได้รับบาดเจ็บกันอยู่บ่อยครั้ง
นั่นก็เพราะในการวิ่งจะมีช่วงที่ร่างกายลอยอยู่ในอากาศ
เมื่อกลับลงสู่พื้นจะต้องใช้อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายในการรับน้ำหนัก หรือแรงกระแทกที่มากกว่าภาวะปกติราว
3 เท่าของน้ำหนักตัว
ดังนั้น นักวิ่งจึงอาจได้รับบาดเจ็บสะสมจากการกระแทกซ้ำ ๆ แน่นอนว่ารองเท้าสำหรับวิ่งสามารถช่วยลดแรงกระแทกขณะวิ่งได้ส่วนหนึ่ง แต่หากนักวิ่งมีสภาพร่างกายที่ไม่พร้อม เช่น กล้ามเนื้อไม่แข็งแรงพอ ไม่มีความยืดหยุ่นที่ดี วิ่งในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง วิ่งในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม หรือการวิ่งมากเกินไป ก็จะเป็นปัจจัยเสริมให้เกิดการบาดเจ็บได้มากขึ้น"
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
'ปวดเข่า-ปวดหลัง' อาการบาดเจ็บยอดฮิต
มือใหม่หัดวิ่งเป็นกันทุกคน
จนบางคนเข็ดขยาดบอกลารองเท้าวิ่งไปเลยก็มี โดยนอกจากอาการปวดกล้ามเนื้อหน้าขา
ปวดเนื้อ ปวดตัวไปหมด เพราะกล้ามเนื้อยืดขยายอย่างฉับพลัน รวมทั้งการปวดเข่าด้านหน้า
เป็นการบาดเจ็บที่ผิวกระดูกอ่อนของกระดูกสะบ้า
จากการเสียดสีของลูกสะบ้ากับกระดูกต้นขา
เป็นอาการบาดเจ็บที่นักวิ่งเป็นกันมากมีอาการปวดรอบ ๆ กระดูกสะบ้าเวลางอเข่า โดยเฉพาะเวลาขึ้นลงเนินเขาหรือบันได
อาการดังกล่าวเกิดได้จากหลายสาเหตุ
ที่พบบ่อยคือการก้าวยาวเกินไปเวลาวิ่ง วิ่งลงส้นเท้าในขณะที่เข่าตึง
การไม่บริหารให้เกิดความยืดหยุ่นของข้อและกล้ามเนื้อก่อนการวิ่ง
รวมไปถึงการเพิ่มระยะทางวิ่งในขณะที่กล้ามเนื้อแกนกลางร่างกาย กล้ามเนื้อต้นขา
และกล้ามเนื้อสะโพกด้านข้างยังไม่แข็งแรงพอ เมื่อกล้ามเนื้อเกิดการล้า
จะส่งผลให้เข่าทั้งสองข้างต้องรับแรงกระแทกมากขึ้น จึงเสี่ยงต่อการปวดเข่า
ส่วนอาการ ปวดเข่าด้านนอก
เป็นอาการอักเสบที่เกิดจากเอ็นที่อยู่ด้านข้างต้นขาเสียดสีกับกระดูกเข่าด้านนอก ส่งผลให้คนไข้มีอาการเจ็บเข่าด้านนอกร้าวขึ้นไปต้นขา
สาเหตุมักจะเกิดจากการวิ่งระยะไกล โดยสภาพกล้ามเนื้อเกิดความล้า วิ่งขึ้นลงทางชัน
วิ่งในพื้นแข็ง ๆ เป็นเวลานาน รวมไปถึงการวิ่งโดยลงเท้าในลักษณะเปิดเข้าด้านใน
อาการปวดหลัง
เป็นอีกหนึ่งอาการบาดเจ็บที่พบได้บ่อยในนักวิ่งมือใหม่ จะมีอาการปวดไปทั้งแผ่นหลัง
หรือปวดเฉพาะบริเวณเอว โดยสาเหตุอาจเกิดจากการวิ่งโน้มตัวไปข้างหน้ามากเกินไป
การไม่แกว่งมือตามธรรมชาติ ซึ่งทำให้ร่างกายขาดสมดุล
จึงเกิดการเกร็งตัวอัตโนมัติเพื่อรักษาสมดุล
กล้ามเนื้อแผ่นหลังที่เกิดการเกร็งตัวเป็นเวลานานจึงล้าและมีอาการปวด
รวมไปถึงการที่ไม่ได้ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบลำตัวให้แข็งแรงพอ
ดังนั้นจำไว้ว่ามือใหม่ ...อย่าเพิ่งหักโหม
ช่วง 1-2 สัปดาห์แรกวิ่งเหยาะๆ
ไปก่อนไม่ต้องเร่งเพราะความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้องการเวลา
มาปรับ 'ท่าวิ่ง'
ลดอาการบาดเจ็บกันเถอะ!
ศีรษะ
ควรตั้งให้ตรงเป็นแกนเดียวกับลำตัว ไม่ก้ม ไม่เงย สายตามองตรงไปข้างหน้า
เพื่อให้ไม่เกิดการเกร็งบริเวณกล้ามเนื้อคอ และไม่ทำให้น้ำหนักลงที่บั้นเอว
ส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังได้
ลำตัวและหลัง ควรตั้งตรงตามธรรมชาติ
ยืดหลังให้ตรงแต่ไม่เกร็ง เพื่อให้การหายใจเข้ามีประสิทธิภาพ
ปอดขยายตัวได้อย่างเต็มที่ และป้องกันอาการปวดหลังได้
แขนและไหล่
แขนควรแกว่งให้สัมพันธ์กับการก้าวเท้าขณะวิ่ง ตั้งศอกเป็นมุมประมาณ 90
องศา ไหล่ไม่ห่อ ไม่ยกสูง และไม่โยกเวลาวิ่ง
เข่า เท้าและข้อเท้า วิ่งปลายเท้าตรงไปข้างหน้าไม่บิดเข้าข้างใน การวางเท้าลงพื้นไม่ควรกระแทกกับพื้นแรง ๆ ส้นเท้าควรสัมผัสพื้นก่อน ตามด้วยฝ่าเท้า เมื่อปลายเท้าแตะพื้นจะพอดีกับจังหวะที่ส้นเท้าเปิดขึ้น พร้อมถีบตัวเคลื่อนไปข้างหน้า ซึ่งการลงเท้าที่ผิดวิธีอาจทำให้เกิดข้อเท้าพลิกได้ ส่วนเข่าไม่ควรยกสูงมากนักและไม่เหยียดจนสุด ไม่ควรก้าวยาวเกินไป และขณะเท้าสัมผัสพื้นควรปล่อยเข่าสบาย ๆ ไม่เกร็ง เพื่อให้การงอเข่าเป็นไปตามธรรมชาติ
นอกจากท่วงท่าที่เหมาะสม ‘การวอร์มอัพ’ เพื่อยืดหยุ่นกล้ามเนื้อก่อนออกวิ่งสำคัญมากเพราะเหมือนการอุ่นเครื่องร่ายการทั้งสามารถป้องกันอาการบาดเจ็บที่ไม่พึงประสงค์
ทั้งอย่างที่กล่าวในข้างต้น 'อย่าใจร้อน'
กล้ามเนื้อร่างกายต้องการเวลา
หักโหมออกกำลังกายในขณะที่กล้ามเนื้อไม่แข็งแรงพอจะเป็นผมร้ายมาก
บางคนคิดว่า วิ่งไปเรื่อยๆ อีกไม่กี่วันคงหาย ซึ่งคุณคิดผิด เพราะอาจนำไปสู่กล้ามเนื้อขาอักเสบ ลงบันใดหรือก้าวขาสักทีนี่ร้าวรานจนเข็ดขยาดการวิ่งไปในที่สุด และหากอาการหนักควรพบแพทย์ นั่นนั้นค่อยเป็น ค่อยไป และขอให้สนุกกับการวิ่งเพื่อสุขภาพของคุณเอง